นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ได้พบหารือกับนายอัน ชาง-ยอง อธิบดีกรมนโยบายเขตการค้าเสรี กระทรวงการค้า อุตสาหกรรม และพลังงาน (Ministry of Trade, Industry and Energy: MOTIE) ของเกาหลีใต้ ณ กรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลี เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม ที่ผ่านมา เพื่อหารือถึงความเป็นไปได้ในการเปิดเจรจาจัดทำความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ (Economic Partnership Agreement: EPA) ระหว่างกัน
หรือเรียกว่า การจัดทำความตกลงการค้าเสรี (FTA) แบบสองฝ่ายระหว่างไทยและเกาหลีใต้ ซึ่งเพิ่มเติมจาก FTA ที่มีร่วมกันอยู่แล้ว 2 ฉบับ คือ FTA อาเซียน-เกาหลีใต้ และความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP)
โดยฝ่ายไทยอยู่ระหว่างศึกษาประโยชน์และผลกระทบของการจัดทำ FTA ไทย-สาธารณรัฐเกาหลี และเร็วๆ นี้ จะเตรียมจัดรับฟังความเห็นสาธารณะและผู้มีส่วนได้เสีย เพื่อรวบรวมผลเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และคณะรัฐมนตรีพิจารณา ขณะที่เกาหลีใต้ได้ทำการศึกษาและหารือภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้เสร็จแล้ว
รวมทั้งสนใจที่จะหารือความคาดหวังและความเป็นไปได้ในการเปิดเจรจา FTA กับไทย โดยทั้งสองฝ่ายได้ตั้งเป้าที่จะทำงานร่วมกันเพื่อนำเสนอผลต่อระดับรัฐมนตรี เพื่อขอความเห็นชอบการเปิดเจรจา FTA ระหว่างไทยและเกาหลีใต้ โดยเร็วต่อไป
“การจัดทำ FTA ระหว่างไทยและเกาหลีใต้ จะช่วยขยายการค้าและการลงทุนระหว่างสองฝ่าย ต่อยอดจาก FTA ที่มีอยู่แล้วในกรอบอาเซียนและอาร์เซ็ป โดยเฉพาะในสินค้าที่ปัจจุบันเกาหลีใต้ยังไม่ได้ลดเลิกภาษีศุลกากรให้ไทย เช่น เนื้อไก่แช่แข็งและแปรรูป อาหารทะเลแช่แข็งและแปรรูป อาหารสัตว์ ผลไม้สดเมืองร้อน (มะม่วง ฝรั่ง และมังคุด) กากมันสำปะหลัง ซอสและของปรุงรส น้ำยางธรรมชาติ ยางล้อ และถุงมือยาง เป็นต้น ขณะเดียวกันจะช่วยดึงดูด การลงทุนจากเกาหลีใต้ในไทยเพิ่มขึ้น อาทิ ยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วน เทคโนโลยีสารสนเทศ รวมทั้งช่วยเพิ่มความร่วมมือในเรื่องใหม่ๆ ระหว่างกัน เช่น การค้าดิจิทัล และห่วงโซ่การผลิต เป็นต้น”
ทั้งนี้ ในช่วง 7 เดือนแรก (ม.ค. - ก.ค. 2566) การค้าไทยและเกาหลีใต้มีมูลค่า 8,999.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นการส่งออกจากไทยไปเกาหลีใต้ มูลค่า 3,725.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และนำเข้าจากเกาหลีใต้ มูลค่า 5,274.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
สินค้าส่งออกสำคัญของไทย อาทิ น้ำตาลทราย น้ำมันสำเร็จรูป ผลิตภัณฑ์ยาง แผงวงจรไฟฟ้า และผลิตภัณฑ์อลูมิเนียม ส่วนสินค้านำเข้าจากเกาหลีใต้ อาทิ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ แผงวงจรไฟฟ้า เคมีภัณฑ์ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ สินแร่โลหะอื่นๆ เศษโลหะและผลิตภัณฑ์