นายกีรติ กิจมานะวัฒน์ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.เปิดเผยว่า จากการหารือร่วมกับ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ถึงการเตรียมความพร้อมพัฒนาขีดความสามารถของอุตสาหกรรมการบิน ซึ่งเป็นกลไกที่สร้างรายได้ฟื้นฟูเศรษฐกิจได้อย่างเร่งด่วน ทอท.ได้ยืนยันถึงความพร้อมในการลงทุนท่าอากาศยานต่างๆ
ขณะเดียวกันทอท.มีความพร้อมของการเข้าบริหารท่าอากาศยานภูมิภาคของกรมท่าอากาศยาน (ทย.) ที่ ครม.อนุมัติไว้แล้วจำนวน 3 แห่ง ประกอบด้วย อุดรธานี บุรีรัมย์ และกระบี่ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้รับทราบพร้อมผลักดันแผนรับโอนท่าอากาศยานภูมิภาค อีกทั้งยังได้กำชับให้ ทอท.มองการลงทุนรับโอนส่วนของท่าอากาศยานอื่นๆ ที่ไม่ทำกำไรในปัจจุบัน และนำไปพัฒนาให้เกิดกำไร
"ขณะนี้ทอท.พร้อมลงทุนในทุกโครงการตามแผน และพร้อมรับนโยบายรัฐบาลในการช่วยพัฒนาบริการผู้โดยสาร ซึ่งเรื่องของการรับโอนสนามบินภูมิภาค รัฐบาลก็ตอบรับที่จะผลักดันต่อ อีกทั้งขณะนี้กระทรวงคมนาคมยังมีนโยบายให้ ทอท.ศึกษาความเป็นไปได้ในการรับโอนสนามบินจาก ทย.เพิ่มเติมอีก 6 แห่ง โดยเรื่องนี้ ทอท.ก็เตรียมเสนอให้รัฐบาลใหม่พิจารณาด้วย"
สำหรับ 6 ท่าอากาศยานภูมิภาค ที่ ทอท.จะพิจารณาเข้าไปรับโอนมาบริหารเพิ่มเติม ส่วนใหญ่จะเป็นท่าอากาศยานที่มีศักยภาพอยู่แล้ว และสามารถสนับสนุนให้ ทอท.ทำเส้นทางการบินเชื่อมต่อระหว่างภูมิภาคได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาทิ ท่าอากาศยานพิษณุโลก ท่าอากาศยานแม่สอด ท่าอากาศยานอุบลราชธานี ท่าอากาศยานขอนแก่น ท่าอากาศยานตรัง และท่าอากาศยานระนอง
อย่างไรก็ตามปัจจุบันผู้โดยสารใน 6 ท่าอากาศยานที่อยู่ภายใต้การดูแลของ ทอท. มีปริมาณรวมกว่า 3 แสนคนต่อวัน ซึ่งเติบโตต่อเนื่อง โดยปี67 คาดว่าจะกลับเข้าสู่สถานการณ์ปกติช่วงก่อนเกิดโควิด -19 ที่มีปริมาณเฉลี่ย 4.5 แสนคนต่อวัน ซึ่งการเติบโตของปริมาณผู้โดยสารดังกล่าว ทำให้ ทอท.ประเมินว่าปริมาณผู้โดยสารในสิ้นปีงบประมาณ 2566 จะสูงเกินกว่าคาดการณ์ไว้ราว 25% เช่นเดียวกับรายได้และกำไรก็จะมีอัตราการเติบโตสอดคล้องกัน