“เศรษฐา” ยันเงินดิจิทัล 10000 จ่ายรวดเดียบจบไม่กระทบงบปี 67

04 ก.ย. 2566 | 03:26 น.
อัปเดตล่าสุด :04 ก.ย. 2566 | 03:30 น.

"เศรษฐา" ยัน เงินดิจิทัล 10000 จ่ายรวดเดียวจบไม่กระทบงบปี 2567 พร้อมขอโทษภาพโยนปากกา เผย หารือผบ.เหล่าทัพ เพื่อรับฟังความคิดเห็นแนวทางการทำงานร่วมกัน ยอมรับ ยังใหม่เรื่องการทำงานกับกองทัพ

วันที่ 4 กันยายน 2566  นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงแผนงานสำคัญที่จะเริ่มดำเนินการภายในอาทิตย์นี้ว่า มีแผนดำเนินงานทุกวัน อย่างเช่นในวันนี้ (4 ก.ย.) จะมาพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องเงินดิจิทัลวอลเล็ต  10000 บาท รวมถึง ขั้นตอนในการทำงาน และการนัดเจรจรหารือกับหลายภาคส่วน โดยเที่ยงวันนี้จะมีการนัดทานข้าวหารือกับว่าที่รัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย 16 ท่าน ในเรื่องของนโยบายการทำงาน เพราะมีหลายคนที่ได้พบและพูดคุยกันเพียงผิวเผินเท่านั้น ซึ่งการพูดคุยในวันนี้ จะพูดคุยถึงวิธีการทำงาน และความคาดหวังที่จะเกิดขึ้นในรัฐบาลนี้

ส่วนการหารือกับผู้บัญชาการเหล่าทัพเมื่อวานนี้ (3 ก.ย.) ร่วมกับนายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ก็เน้นเรื่องการรับฟังความคิดเห็นของผู้บัญชาการเหล่าทัพ ซึ่งเมื่อวานนี้ขาดว่าที่ผู้บัญชาการทหารอากาศ ที่ติดภารกิจอยู่ต่างประเทศ แต่ก่อนหน้านี้มีการพูดคุยกันไปบ้างแล้ว ซึ่งเรื่องที่พูดคุยเน้นการลดช่องว่างระหว่างทหารกับประชาชน และยังติดตามความคืบหน้าของกองทัพที่ผ่านมา ว่าดำเนินการอะไรไปบ้างแล้ว

ส่วนเรื่องนโยบายของพรรคเพื่อไทย ที่เปลี่ยนนโยบายจากเกณฑ์ทหารเป็นแบบสมัครใจ ผู้บัญชาการเหล่าทัพมีความเห็นอย่างไรบ้างนั้น นายเศรษฐา เปิดเผยว่า เรื่องนี้ขอให้เป็นการแถลงร่วมกันของผู้นำเหล่าทัพ ซึ่งตอนนี้ขอให้เข้าบริหารราชการแผ่นดินก่อน โดยเมื่อวานเป็นการพูดคุยกันเบื้องต้น และรอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เข้าพูดคุยกับผู้บัญชาการเหล่าทัพอย่างเป็นทางการก่อน ส่วนเรื่องงบประมาณของกองทัพยังไม่ได้พูดคุยถึงขั้นนั้น เป็นเพียงการพูดคุย รับฟังความเห็นกัน

ตัวเองในฐานะที่เข้ามารับตำแหน่งตรงนี้ ต้องยอมรับว่ายังใหม่ จึงต้องเข้าไปฟังว่า ผู้บัญชาการเหล่าทัพมีแนวความคิดและการทำงานอย่างไรบ้าง ที่นอกเหนือจากเรื่องความมั่นคง ปลอดภัย ภายในประเทศ อย่างหน่วยงาน กอ.รมน. ตัวเองก็ยังไม่ทราบว่ามีกรอบการทำงานว่าทำหน้าที่อะไรบ้าง ก็ต้องไปรับฟังจากทุกท่าน ซึ่งยังต้องพูดคุยถึงขอบเขตการทำงานของกองทัพ จึงจำเป็นต้องขอความอนุเคราะห์จาก ผบ.เหล่าทัพทุกท่าน อย่าง พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ที่จะร่วมเดินทางไปร่วมประชุมสหประชาชาติที่สหรัฐอเมริกา ในวันที่ 18 ก.ย. นี้ด้วย

 

ส่วนเรื่องการปรับการประชาสัมพันธ์ระหว่างกองทัพกับประชาชน นายเศรษฐา กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ไม่ได้ติดขัด แต่มีหลายอย่างที่กองทัพประชาสัมพันธ์ไม่ทั่วถึงโดยเฉพาะโครงการดีๆเพื่อประชาชน หลายเรื่องประชาชนอาจจะรับรู้ไม่ทั่วถึง รวมถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในอดีตที่อาจไม่ได้มีการชี้แจงอย่างตรงไปตรงมาและแพร่หลาย เรื่องนี้จึงต้องเข้ามาช่วยดูแล ปรับปรุงให้ดีขึ้น ซึ่งต้องยอมรับว่า บางอย่างที่กองทัพทำสิ่งดีๆออกมา แต่ไม่ได้ถูกประชาสัมพันธ์อย่างทั่วถึง จึงเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย ตนเองจึงอยากให้ความเป็นธรรมกับกองทัพ เพราะหากเปลี่ยนเรื่องการประชาสัมพันธ์ให้ดีขึ้นประชาชนจะได้รับทราบ

ขณะเดียวกันเรื่องผู้ทรงคุณวุฒิของกองทัพ ที่มีประสบการณ์การทำงานจะมีการดึงเข้ามาช่วยงานด้วยหรือไม่นั้น นายเศรษฐา ชี้แจงว่า ยังไม่มีการพูดคุยกันในเรื่องนี้ ซึ่งจะต้องเป็นการประชุมกันอย่างเป็นกิจลักษณะ พร้อมย้ำว่า เมื่อวานเป็นเพียงการฟังความคิดเห็นเท่านั้น ส่วนงบประมาณจัดซื้อเรือดำน้ำของกองทัพเรือ ที่รัฐบาลก่อนชะลอนั้น ยังไม่ได้พูดคุยกันกับกองทัพเรือ

นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 ที่อาจจะต้องใช้กรอบงบประมาณจากปี 2566 โดยยืนยันว่า ไม่มีปัญหาในการดำเนินนโยบายของรัฐบาล แต่ยอมรับว่า อาจจะมีล่าช้า พร้อมทั้งจะนำเรื่องนี้ไปพูดคุยกับรัฐมนตรีของพรรควันนี้ด้วย ยืนยัน จะไม่กระทบกับนโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท และจะจ่ายแบบครั้งเดียว ไม่มีแบ่งจ่ายตามที่นักวิชาการวิพากษ์วิจารณ์

ขณะนี้เดินสายพูดคุย รับฟังกับฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อจัดทำนโยบายเตรียมแถลงต่อรัฐสภา ซึ่งขณะนี้นโยบายเสร็จสิ้น และส่งพิมพ์แล้ว จากนี้จะหารือกับพรรคร่วมรัฐบาลอีกครั้ง

นายเศรษฐา ชี้แจงถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์ภาพที่ปรากฏในโซเชียล ที่โยนปากกาขณะรับฟังเสียงสะท้อนของกลุ่มวินจักรยานยนต์รับจ้าง เมื่อวันเสาร์ ที่ 2 ก.ย. ที่ผ่านมาว่า ขอโทษหากภาพที่ออกมาจะบ่งบอกถึงความไม่พอใจ แต่ส่วนตัวไม่ได้คิดอะไร เนื่องจากกลุ่มวินจักรยานยนต์สะท้อนปัญหาหลายประเด็น ตนเองก็อยากจะจดประเด็นว่ามีปัญหาอะไร พร้อมยืนยันว่า ไม่ได้ขว้างปากกา แค่ปล่อยลงบนโต๊ะ ก็เข้าใจว่าตนเองเป็นบุคคลสาธารณะแล้ว การจะทำอะไรหลังจากนี้ต้องระมัดระวัง เพราะภาพที่ออกไป ไม่ได้สะท้อนความรู้สึกของตัวเรา แต่คนที่ดูอยู่อาจเข้าใจผิด พร้อม กราบขอโทษ และจะพยายามระมัดระวังตัวมากขึ้น

นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อ เที่ยงวันนี้(4 ก.ย.) ได้นัดทานข้าวกับรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นการพบปะพูดคุยกันปกติ ไม่มีอะไรพิเศษ เพียงแต่ต้องการพบปะพูดคุย จะได้รู้จักเข้าใจถึงสไตล์กันมากขึ้น เนื่องจากตนเองนั้นมาจากภาคธุรกิจ อาจจะมีความไม่เข้าใจเพียงพอในการทำงานกับภาคการเมืองและสส. ส่วนในพรุ่งนี้( 5 ก.ย.) จะเดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาลในช่วงเช้า ซึ่งตามกำหนดการจะถึงทำเนียบประมาณ 10.30 น.