“เศรษฐา” ยันไม่คิดรื้อ “รังนกกระจอก” ทำเนียบรัฐบาล แค่ปรับให้ดีขึ้น

04 ก.ย. 2566 | 03:07 น.
อัปเดตล่าสุด :04 ก.ย. 2566 | 03:13 น.

นายกรัฐมนตรี “เศรษฐา ทวีสิน” ยืนยันไม่คิดรื้อ “รังนกกระจอก” ห้องทำงานของผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาล เป็นห้องทำงานที่ปรึกษา แค่ปรับให้ดีขึ้น ทันสมัยมากขึ้น

กรณีกระแสข่าวว่า รัฐบาลใหม่ ของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง อาจรื้อห้องทำงานของสื่อมวลชน 1 ประจำทำเนียบรัฐบาล หรือ “รังนกกระจอก” ห้องแรก ด้านข้างตึกไทยคู่ฟ้า เพื่อเปลี่ยนเป็นห้องทำงานของรัฐมนตรี ผู้ช่วยรัฐมนตรี หรือทางที่ปรึกษาแทนนั้น

ล่าสุดในวันนี้ (4 กันยายน 2566) ที่พรรคเพื่อไทย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า เมื่อวานนี้ (3 กันยายน) ได้เดินทางไปทำเนียบรัฐบาลจริง เพื่อไปดูสถานที่ทำงาน ห้องประชุม ห้องรองนายกรัฐมนตรี และห้องประชุมคณะรัฐมนตรี และห้องทำงานของสื่อมวลชน

ส่วนกระแสข่าวว่าจะมีการรื้อห้องทำงานสื่อมวลชน ที่บริเวณ รังนกกระจอก 1 นั้น ยืนยันว่า คงใช้คำว่าไปรื้อคงไม่ได้ เพราะเมื่อวานนี้ได้ไปรับฟังว่าใครทำงานอยู่ตรงไหน และเห็นว่าห้องทำงานของสื่อมวลชนมีอยู่ 2-3 ห้อง ต้องการทำให้ดีขึ้น คงใช้คำว่าปรับปรุงดีกว่า

 

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

“เราต้องการทำให้ดีขึ้น ทำให้ฝ่ายบริหารเข้าถึงฝ่ายสื่อมวลชนได้ดีขึ้น และก็คงไปปรับรูปแบบบ้างบางอย่าง แต่ยืนยันว่าความเป็นอยู่ต้องดีขึ้น และยืนยันว่า ไม่เคยใช้คำว่าไปจัดระเบีบบ แค่ไปดูความเป็นอยู่ของสื่อมวลชนเป็นยังไงบ้าง และยืนยันถ้ามีการเปลี่ยนแปลงทุกอย่างจะดีขึ้น” 

นายเศรษฐา ยอมรับว่า ในการเข้าไปทำเนียบรัฐบาลเพื่อตรวจสอบสถานที่นั้น มีเวลาแค่เพียง 1 ชม.ครึ่งเท่านั้น ดังนั้นการจะปรับปรุงอะไรก็คงปรับแต่อาจเปลี่ยนไม่มาก ต้องขอไปใช้งานจริง ๆ ก่อน เนื่องจากวิธีการทำงานของนายกรัฐมนตรีแต่ละคนไม่เหมือนกัน ทั้งวิธีการนั่ง การเรียกประชุมหลาย ๆ อย่าง จึงขอเข้าไปดูก่อน แล้วอาจเข้ามาปรับปรุงรูปแบบเพียงบางส่วน

“ขอให้ผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาล สบายใจได้ เพราะจะทำให้ดีขึ้น ทันสมัยมากขึ้น อยากทำให้สบายมากขึ้น รวมถึงการทำงานร่วมกับฝ่ายบริหาร การเข้าถึงประชาชนได้ ก็ต้องอาศัยสื่อมวลชน ดังนั้นการที่ฝ่ายบริหารทั้งรัฐมนตรี ผู้ช่วยรัฐมนตรี หรือที่ปรึกษา อยากให้มีสถานที่ที่สามารถลงมาพบปะพูดคุยสื่อมวลชนได้ แต่ถ้าหากอยากทำ ถ้าไม่อยากทำก็ไม่เป็นไร ก็มีที่เป็นสัดส่วนของตัวเองแล้ว" นายกฯ ระบุ