หลังมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี “เศรษฐา 1”เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2566 โดยรัฐบาลจะแถลงนโยบายต่อรัฐสภา วันที่ 8 กันยายน นี้ มีเสียงสะท้อนจากภาคเอกชนต่างจังหวัด ฝากความหวังไว้กับรัฐบาลชุดใหม่ ภายใต้การนำของ "เศรษฐา ทวีสิน "โดยเฉพาะการขับเคลื่อนด้านท่องเที่ยว และเศรษฐกิจปากท้อง ไว้อย่างน่าสนใจ
แนะเร่งขับเคลื่อนท่องเที่ยว
นายพรศักดิ์ แก้วถาวร ประธานหอการค้าจังหวัดระนอง กล่าวว่าเห็นด้วยกับข้อเร่งด่วนที่หอการค้าไทย ต้องการให้รัฐบาลใหม่เร่งดำเนินการทันที คือ การแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชน ผ่านนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ นโยบายลดค่าครองชีพให้แก่ประชาชน และลดต้นทุนภาคเอกชนทั้งค่าน้ำมันเชื้อเพลิง ค่าไฟฟ้าที่ยังอยู่ในระดับสูง พร้อมเร่งเสริมความโดดเด่นภาคการท่องเที่ยว ที่เป็นเครื่องยนต์หลักของเศรษฐกิจไทยในไตรมาสสุดท้าย
พร้อมแสดงความมั่นใจว่าหากรัฐบาลเน้นนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างจริงจังและตรงจุด รวมถึงดำเนินการตามประเด็นเร่งด่วนตามข้อเสนอของหอการค้าไทย จะช่วยให้เศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ กลับมาเติบโตได้โดดเด่น และทำให้ภาพรวมสามารถเติบโตตามเป้าหมายได้เกินร้อยละ 3.0 ต่อปี
ในส่วนของจังหวัดระนองต้องการให้รัฐบาลใหม่ดำเนินการคือการเดินหน้าต่อเนื่องโครงการแลนด์บริดจ์ เพราะสามารถยกระดับการขนส่ง การค้าขาย ที่สามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศได้
นางวิภา สุเนตร ประธานหอการค้าจังหวัดตราด สะท้อนความเห็นกรณีนโยบายแจกเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาทของรัฐบาลว่า เมื่อมีกระแสเงินสดลงสู่ระบบธุรกิจการค้า การขายก็จะถูกขับเคลื่อนต่อไป และเกิดการหมุนเวียนของเงินในระบบส่งผลให้ภาคธุรกิจได้รับอานิสงส์จากเงินดิจิทัลเหล่านี้ได้มากเหมือนการปล่อยเงินของรัฐบาลเก่า เช่น โครงการคนละครึ่ง แม้เงินดิจิทัลครั้งนี้จะมีเงื่อนไขในการใช้ในระยะ 4 กม. แต่นั่นก็เพื่อให้เงินเหล่านั้นกระขายอยู่ในชุมชน จะสร้างรายได้ให้ชุมชนนั้นอย่างตรงจุด และสามารถสร้างกระแสการเติบโตทางเศรษฐกิจได้มาก ในระยะเวลาอันสั้น
เชื่อ“เศรษฐา”ช่วยฟื้นเศรษฐกิจ
นายสุดที่รัก พันธ์สายเชื้อ ประธานหอการค้าจังหวัดนครราชสีมา ให้ความเห็นว่า สิ่งที่หอการค้าต้องการให้รัฐบาลช่วยขับเคลื่อนใน 2 เรื่องหลัก คือ ปัญหาเศรษฐกิจ เนื่องจากที่ผ่านมาตั้งแต่มีการเลือกตั้งเศรษฐกิจของเราชะลอตัวลง อยากให้รัฐบาลมีนโยบายต่างๆ ที่วางแผนเอาไว้ ได้นำมาใช้หรือขับเคลื่อนประเทศด้วยความรวดเร็ว
เรื่องที่ 2 คือ ปัญหายาเสพติด เป็นปัญหาที่เรื้อรังมานาน อยากให้ช่วยเร่งแก้ปัญหายาเสพติดที่เกิดขึ้นอยู่ตามชุมชนต่างๆ โดยเฉพาะกลุ่มเด็กๆ และเยาวชน ปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาที่บั่นทอนอนาคตของชาติ
ส่วนกรณีที่นายเศรษฐา นั่งควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นั้น มองว่าเป็นเรื่องดี เพราะนายกรัฐมนตรีสามารถใช้กลไกต่างๆ ของภาครัฐในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจต่างๆได้รวดเร็วมากขึ้น ภาคการลงทุนก็ตอบรับ จึงหวังว่ารัฐบาลจะมีนโยบายดี ๆเข้ามาช่วยขับเคลื่อนประเทศ โดยเฉพาะในต่างจังหวัด เพราะประเทศไทยมีทั้งกรุงเทพ และต่างจังหวัด หากสามารถขับเคลื่อนได้ตามเป้าหมาย เม็ดเงินก็จะสะพัดทั่วประเทศ
ดร.ณรงค์ ตนานุวัฒน์ ประธานกิตติมศักดิ์หอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า เชื่อมั่นว่านโยบายของรัฐบาลใหม่จะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจ สร้างความมั่นคง ความปลอดภัยให้กับสังคมและมีการกระจายอำนาจ ในฐานะที่เป็นภาคเศรษฐกิจที่อยู่หัวเมือง อยากจะเรียกร้องให้รัฐบาลกระจายอำนาจการปกครอง และกระจายงบประมาณไปสู่ภูมิภาคให้มากขึ้น
พร้อมแสดงความเชื่อมั่นต่อการทำงานของนายเศรษฐา เนื่องจากเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ เป็นประธานบริษัทมหาชน มีระบบในการบริหารงานต่างๆของบริษัท เมื่อมีโอกาสบริหารประเทศ จึงเชื่อว่าเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถ โดยเฉพาะในเรื่องของการมองธุรกิจ แต่ด้านความมั่นคง สังคม หรือด้านอื่น จำเป็นต้องฟังผู้ที่มีประสบการณ์ด้วย
นายบรรพต ก่อเกียรติเจริญ ที่ปรึกษาหอการค้าจังหวัดตาก และนักธุรกิจการค้าชายแดนไทย-เมียนมา จ.ตาก กล่าวว่า จากการที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่ประสบความสำเร็จอย่างมากในการประกอบธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ เชื่อว่านำความรู้ ความสามารถที่เคยประสบความสำเร็จทางอสังหาริมทรัพย์ มาใช้ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ในภาพรวมของประเทศได้
ขณะที่รัฐมนตรีชุดใหม่หลายคน ส่วนใหญ่ผ่านการบริหารประเทศมาแล้ว บางคนอาจจะปรับเปลี่ยนกระทรวง แต่ถือว่าเป็นบุคคลที่มีประสบการณ์ ทางการเมืองมาแทบทั้งสิ้น จึงเชื่อว่าจะนำพาประเทศเดินหน้าได้
นายชัยวัฒน์ วิทิตธรรมวงศ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดตาก กล่าวว่า ช่วงนี้ต้องขอดูนโยบายและให้เวลารัฐบาลชุดใหม่บริหารประเทศก่อน ในส่วนตนเองเป็นนักธุรกิจด้วยกัน เชื่อว่าการที่นายกรัฐมนตรีเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ มีความรู้ ความสามารถ ความเข้าใจ ในเรื่องธุรกิจ คงจะนำพาประเทศ ไปในทิศทางที่ดีขึ้น