นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยถึงนโยบายเร่งด่วน 3 เดือน ว่า มีนโยบายที่สามารถทำได้ทันที โดยได้กำชับให้หน่วยงานภายในกระทรวงเร่งหาแนวทางเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมใหม่ที่มีศักยภาพ ให้เป็นฟันเฟืองเศรษฐกิจใหม่สำหรับกระตุ้นรายได้มวลรวมของประเทศ ผ่านอุตสาหกรรมเป้าหมาย ประกอบด้วย
อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ อุตสาหกรรมหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ อุตสาหกรรมชีวภาพ และอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ อุตสาหกรรมฮาลาล และอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ด้วยการสนับสนุนระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ 4 ภาค โดยการยกระดับทักษะแรงงานขั้นสูง สร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน
รวมถึงพิจารณาหามาตรการเพื่อส่งเสริมการผลิตและการใช้รถยนต์ไฟฟ้าหรืออีวี (EV)อย่างแพร่หลายภายในประเทศ มาตรการทางภาษี และการขยายจุดให้บริการชาร์จแบตเตอรี่สำหรับประชาชน
ขณะที่การส่งเสริมศักยภาพ และสนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ให้สามารถเข้าถึงโอกาสในการแข่งขันนั้น ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทีมเข้าสำรวจความต้องการของผู้ประกอบการ เพื่อรวบรวมจัดทำเป็นแผนนโยบายในลำดับต่อไป
นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับการยกระดับเศรษฐกิจฐานรากให้มีความเข้มแข็ง ด้วยการสนับสนุนให้ประชาชนมีอาชีพมั่นคงจากต้นทุนในชุมชน ทั้งต้นทุนทางวัฒนธรรมและวัตถุดิบในท้องที่ พร้อมการพัฒนาทักษะ อาชีพเสริม เพื่อการลดรายจ่ายในภาคครัวเรือน
การผนวกวิชาการอุตสาหกรรมเข้ากับวิถีชุมชนให้กระบวนการผลิตตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำมีมาตรฐานมากขึ้น เพื่อสร้างรายได้ยั่งยืนให้กับประชาชน และเตรียมความพร้อมให้ประเทศไทยก้าวข้ามประเทศกับดักรายได้ปานกลางไปสู่ความมั่งคั่งในอนาคต และการยกระดับการให้บริการคุณภาพ ส่งเสริมการเข้าถึงของผู้ประกอบการและประชาชน ด้วย One Stop Service ซึ่งจะได้ปรับแก้ข้อจำกัดที่มีอยู่ให้สามารถขับเคลื่อนนโยบายได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น