นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยในวาระเข้ากระทรวงคมนาคมเพื่อเริ่มงานวันแรก โดยระบุว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถแถลงนโยบาย และมอบหมายงานให้กับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมได้ เนื่องจากต้องรอให้นายกรัฐมนตรีได้แถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาในวันที่ 11-12 ก.ย.นี้ เสร็จเรียบร้อยก่อน
“ตนและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมพร้อมที่จะเข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขปัญหาตามที่รัฐบาลมอบหมาย และเป็นไปตามความคาดหวังของประชาชน โดยเฉพาะเรื่องการพัฒนาโลจิสติกส์ของประเทศที่ครองสัดส่วนในผลิตภัณฑ์มวลรวมประเทศ (GDP) สูงถึง 15% แต่กลับพบว่าในนั้นมีการขนส่งระบบน้ำและรางเพียง 2% ดังนั้นไทยต้องลงทุนพัฒนาโลจิสติกส์เหล่านี้เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน”
นายสุริยะ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ระบบขนส่งทางรางโดยเฉพาะรถไฟทางคู่ ต้องมีการปรับปรุงให้ตรงเวลา เพื่อทำให้การขนส่งนั้นมีประสิทธิภาพ อีกทั้งต้องผลักดันให้เกิดการลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะโครงการที่มีความพร้อมแล้ว อาทิ รถไฟทางคู่ช่วงขอนแก่น - หนองคาย เนื่องจากโครงการนี้ศึกษาพร้อมที่จะผลักดันให้เกิดการลงทุนแล้ว จึงเป็นสิ่งที่ตั้งใจมากที่จะทำ
ส่วนประเด็นนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายนั้น ตนต้องขอโทษประชาชนที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่านโยบายนี้ไม่เร่งด่วน เพราะยืนยันว่านโยบายนี้เป็นเรื่องเร่งด่วนที่รัฐบาลจะทำเพื่อแก้ไขปัญหาลดค่าใช้จ่ายให้กับประชาชน แต่เนื่องจากการผลักดันนโยบายนี้ต้องมีความพร้อมจากทั้งภาครัฐและเอกชนหารือร่วมกันในการพัฒนาระบบตั๋วร่วม จึงต้องใช้เวลาในการหารือกับผู้ประกอบการ อีกทั้งต้องใช้เวลาติดตั้งระบบซอฟต์แวร์ที่ประเมินว่าใช้เวลาอย่างเร็ว 1 ปี ดังนั้นจึงประเมินว่าจะใช้เวลาทำงานเรื่องนี้ 2 ปีสำเร็จ
“พอลดราคาค่าโดยสาร 20 บาท ผู้โดยสารก็จะเพิ่มขึ้น 10% รายได้ของผู้ประกอบการก็จะเพิ่มขึ้นทันที เมื่อเอกชนมีรายได้เพิ่มขึ้นก็ต้องแบ่งปันผลประโยชน์ ซึ่งตอนนี้ทางกรมการขนส่งทางรางก็ประเมินตัวเลขออกมาแล้วว่าหากจะดำเนินการนโยบายนี้รัฐบาลต้องชดเชยเม็ดเงินเท่าไหร่ แต่ผมก้มอบหมายให้ไปหารือกับนักวิชาการ ม.ธรรมศาสตร์ที่มีข้อมูลเรื่องนี้ และกลับมาทบทวนตัวเลขกัน ยืนยันว่า 20 บาทต้องทำแน่นอน แต่ขอเวลา”
นายสุริยะ กล่าวถึงกรณีโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) วงเงิน 1.4 แสนล้านบาท ที่ยังอยู่ระหว่างการรอลงนามสัญญากับเอกชนผู้ชนะประมูลโครงการฯว่า เรื่องนี้ในช่วงที่ตนยังเป็นรัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรมพบว่าโครงการฯมีการเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา ซึ่งตนอยู่ในการพิจารณาครั้งนั้นด้วย ซึ่งได้มีการแสดงความคิดเห็นว่า โครงการฯยังอยู่ระหว่างการฟ้องร้องของศาลปกครอง โดยสำนักงานคณะกฤษฎีกาได้ให้ความเห็นว่าควรรอให้ศาลปกครองพิพากษาถึงที่สุดก่อนถึงจะดำเนินการต่อไปได้
ปัจจุบันพบว่าโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ได้มีการฟ้องร้องในศาลปกครอง จำนวน 3 คดี ประกอบด้วย 1. คดีที่ศาลปกครองสูงสุด BTSC ฟ้องการยกเลิกการคัดเลือกเอกชนฯ ไม่ชอบ ซึ่งคดีนี้ ตุลาการผู้แถลงคดี ศาลปกครองสูงสุดแถลงว่า การยกเลิกการคัดเลือกเอกชนฯ ชอบด้วยข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายแล้ว เห็นควรพิพากษากลับคำพิพากษาศาลปกครองชั้นต้น ปัจจุบันรอรอคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด
2. คดีศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลางที่ กลุ่ม BTSC ฟ้องการแก้ RFP และยกเลิกการคัดเลือกฯ โดยทุจริต ซึ่งความคืบหน้าของคดีนี้คือ ศาลอาญาฯ พิพากษายกฟ้อง โดยเห็นว่า การแก้ไข RFP เป็นไปเพื่อประโยชน์ของรัฐ ไม่เป็นการเอื้อประโยชน์ให้แก่ผู้ยื่นข้อเสนอรายใด และการยกเลิกการคัดเลือกฯ ไม่มีเจตนากลั่นแกล้ง BTSC หรือกระทำนอกขอบเขตของกฎหมาย ไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และคดีนี้อยู่ระหว่าง BTSC ขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์คำพิพากษา ทั้ง 2 คดี ศาลปกครองมีคำพิพากษาแล้วเสร็จ
ส่วนอีก 1 คดี คือ 3. อยู่ระหว่างการพิจารณาคดีของศาลปกครองกลาง กรณีที่ BTSC ฟ้องการคัดเลือกเอกชนฯ ครั้งใหม่ไม่ชอบ เพราะ RFP กีดกัน BTSC ซึ่งความคืบหน้าของคดี อยู่ระหว่างการขอทุเลาฯ ครั้งที่ 1โดยศาลปกครองกลางมีคำสั่ง ยกคำร้องขอทุเลาการบังคับเนื่องจากเห็นว่า ประกาศเชิญชวนฯ และ RFP เป็นไปตามกฎหมายแล้ว RFP เปิดกว้างมากขึ้น ไม่มีลักษณะเป็นการตัดสิทธิหรือกีดกัน BTSC นอกจากนั้นยังมีการขอทุเลาฯ ครั้งที่ 2 แต่ศาลไม่รับคำร้องขอทุเลาของ BTSC ซึ่งต้องรอว่าศาลปกครองจะพิพากษาดำเนินการอย่างไร
“เมื่อเราเป็นรัฐบาลจะต้องรอผลการตัดสินของศาลปกครองก่อน หากศาลพิพากษาแล้วให้ดำเนินการอย่างไรเราก็ต้องปฏิบัติตามนั้น เชื่อว่าโครงการนี้ต้องเดินหน้า ส่วนจะประมูลใหม่หรือลงนามสัญญากับเอกชนผู้ชนะการประมูลรายเดิมก็มีความเป็นไปได้ทั้ง 2 แนวทางขึ้นอยู่กับคำตัดสินชี้ขาดของศาลปกครอง”
นายสุริยะ กล่าวต่อว่า กรณีที่มีการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2567 ล่าช้านั้น เบื้องต้นนายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการว่าการเบิกจ่ายนั้นไม่ถือเป็นเงื่อนไขที่ทำให้รัฐบาลทำงานไม่ได้ แต่ต้องใช้งบประมาณที่มีอยู่ดำเนินการ ทั้งนี้หากรัฐบาลมีการแถลงนโยบายแล้วเสร็จ หลังจากนั้นจะมีการหารือกับกระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อผลักดันนโยบายสำคัญต่อไป
อย่างไรก็ตามอีกเรื่องหนึ่งที่รัฐบาลเน้นย้ำ คือ ในเรื่องของการกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวในช่วงไฮซีซันที่จะถึงนี้ ซึ่งนายกฯ ได้มีการสั่งการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปแล้ว แต่ผมได้มีการกำชับเพิ่มเติม โดยให้สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) หาวิธีจัดสล็อตเพิ่มเติม เพื่อเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยเพิ่มขึ้น เบื้องต้นทราบมาว่ากองทัพอากาศ มีตารางการบิน (สล็อต)การบินในช่วงเช้าเหลืออยู่