นายฤษฎา จีนะวิจารณะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า มาตรการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล 2.50 บาท ที่จะเริ่ม 20 ก.ย.- 31 ธ.ค.66 นี้ จะทำให้กระทรวงการคลังสูญเสียรายได้ 1.5 หมื่นล้านบาท โดยการสูญเสียรายได้ดังกล่าว จะคาบเกี่ยวกับปีงบประมาณ 2566 และปีงบประมาณ 2567 อย่างไรก็ตาม คาดว่าในปีงบประมาณ 2566 นั้น รัฐบาลจะยังสามารถจัดเก็บได้เกินกว่าเป้าหมายแสนกว่าล้านบาท
ด้านนายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า การจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพากรในปีนี้ยังเกินเป้าหมาย คาดว่าจะเกินเป้าหมายราว 1.8 แสนล้านบาท โดยถือว่าจัดเก็บได้น้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้เล็กน้อย เพราะเดิมประเมินว่าจะเกินอยู่ที่ 2 แสนล้านบาท เนื่องจากเศรษฐกิจมหภาคในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคมนั้น ไม่ได้ขยายตัวเท่าคาดการณ์
“ในช่วงต้นปีงบ เราสามารถจัดเก็บได้เยอะ จากทั้งภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ตามการบริโภคในประเทศที่ขยายตัวได้ดี และภาษีเงินได้นิติบุคคล ที่จัดเก็บในช่วงครึ่งแรก ของปีงบ 66 ได้ดี แต่ในครึ่งปีหลังนั้น เราเริ่มเห็นสัญญาณ ถ้าดูจากข้อมูลของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ก็จะเห็นว่ารายงานผลกำไรกับสรรพากรว่าลดลง”
สำหรับแนวโน้มการจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพากรในปีงบ 2567 นั้น ก็ขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งรัฐบาลก็พยายามเริ่มออกมาตรการกระตุ้น และก็เริ่มเห็นสัญญาณว่าเศรษฐกิจเริ่มตก ดังนั้น รัฐบาล จึงเห็นเหตุที่จะทำมาตรการกระตุ้นให้เศรษฐกิจกลับขึ้นไปใหม่ เพื่อให้ทั้งจัดเก็บภาษีได้มากขึ้น และการเติบโตของเศรษฐกิจขยายตัวเพิ่มขึ้น