ราคาทองจ่อขยับ หากผ่านพ้นทิศทาง ดอกเบี้ยขาขึ้น

18 ก.ย. 2566 | 00:00 น.
อัปเดตล่าสุด :18 ก.ย. 2566 | 00:23 น.

แนวโน้มราคาทองคำ เตรียมขยับขึ้น หากทิศทางดอกเบี้ยเฟด คงระดับเดิม และผ่านพ้นทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้น มีลุ้นแตะแนวต้าน 1,975 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ ขณะช่วงนี้ราคายังวิ่งในกรอบ 1,915-1,945 สักระยะ

การประชุม ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะมีขึ้นในช่วงกลางสัปดาห์นี้ (19-20 ก.ย. 66) นอกจากจะมีผลต่อทิศทางเศรษฐกิจโลก แล้ว ยังมีผลต่อแนวโน้มราคาทองคำในระยะข้างหน้า ซึ่งหากไม่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและทิศทางเป็นขาลง ราคาทองคำก็มีแนวโน้มที่จะดีดตัวสูงขึ้นหลังจากนี้ไป

โดยนายจิตติ ตั้งสิทธิภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า แนวโน้มราคาทองคำ ในระยะข้างหน้าไปจนถึงสิ้นปีมีโอกาสขยับขึ้นต่อ โดยในสัปดาห์นี้มีปัจจัยจากการประชุมของ เฟด ซึ่งหลายฝ่ายคาดการณ์ว่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ย และสิ้นสุดทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้น

ทั้งนี้จากการประเมินหากคงอัตราดอกเบี้ย และไม่มีการปรับขึ้น ราคาทองจะขยับขึ้นได้ต่อเนื่อง อาจขึ้นทดสอบแนวต้านที่ 1,945 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ ซึ่งหากราคาผ่านจุดนี้ไปได้คาดว่าจะขึ้นสู่ระดับ 1,975 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ในช่วงปลายปี

ขณะที่ ราคาทองคำในประเทศไทย ปรับตัวสูงขึ้นจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่า แม้ระยะนี้ราคาในตลาดโลกจะไม่สูงมากนัก แต่ราคาทองคำในประเทศเฉลี่ยอยู่ที่บาทละ 32,500 บาท โดยยังคงต้องติดตามสถานการณ์อัตราแลกเปลี่ยนใกล้ชิด

นายจิตติ ตั้งสิทธิภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ

"ก็คาดการณ์ว่า ช่วงนี้ราคาทองอาจวิ่งอยู่ 1,915-1,945 สักระยะหนึ่ง ตอนนี้เมืองไทยก็อยู่ที่เงินบาท เงินบาทช่วงนี้อ่อนค่าเยอะ เลยทำให้ราคาทองสูงขึ้นมา ถ้าคิดว่าไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ราคาทองคงจะขึ้นมา คงอาจขยับได้ถึง 1,975 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์" นายจิตติ กล่าว

อย่างไรก็ตามราคาทองคำในระยะนี้ นักลงทุนยังคงสามารถลงทุนได้ เนื่องจากจากนี้ไปจนถึงสิ้นปีราคายังมีโอกาสขยับขึ้น เหมาะกับการสะสมเก็บทำกำไร

สอดคล้องกันกับทาง นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) ที่ออกมาระบุว่า ราคาทองคำในตลาดโลก ในระยะสั้นอาจต้องจับตาการประชุมของ เฟด ที่จะมีขึ้นวันที่ 19-20 ก.ย.นี้

ซึ่งตลาดคาดหวังให้ เฟด ขึ้นดอกเบี้ยอีกเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะปรับตัวลดลงในประมาณ เดือนมีนาคม 2567 หากเป็นไปตามที่คาดก็จะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ ราคาทองคำ ปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ในกรอบ 2,075-2,100 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ ซึ่งก็จะเป็นการทำจุดสูงสุดรอบใหม่

ส่วนแนวโน้มในระยะยาวนั้น มองว่าราคาทองคำมีโอกาสปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าในอีก 3-4 ปี ประเทศไทยจะมีการบริโภคทองคำเฉลี่ย 100 ตันต่อปี

ซึ่งใกล้ระดับที่เคยสูงสุดที่ 153.8 ตันต่อปีในปี 2556 จากปัจจุบันประเทศไทยมีการบริโภคทองคำโดยเฉลี่ย 63 ตันต่อปี ซึ่งสูงเป็นอันดับ 3 ของเอเชีย รองจาก จีน และ อินเดีย และเป็นอันดับ 7 ของโลก

นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG)

ทั้งนี้การบริโภคทองคำจะเติบโตขึ้นได้อีกนั้น เป็นเพราะคนไทยหันมาซื้อขายทองคำผ่านระบบออนไลน์เพื่อการลงทุนมากขึ้น ทำให้ตลาดทองคำในประเทศยังคงมีแนวโน้มเติบโตได้ต่อเนื่อง

จากข้อมูลทั้งหมดจากทั้ง 2 ผู้คร่ำหวอด ในตลาดทองคำ มีความเห็นใกล้กันกับ ราคาทองคำ ที่จะเป็นทิศทางขาขึ้นหาก นโยบายดอกเบี้ยของทางสหรัฐ คงที่เดิม และปรับเข้าสู่โหมดขาลง คงต้องเป็นเรื่องที่ติดตามต่อไปในระยะข้างหน้า เพราะอย่าลืมว่า ทุกการลงทุนมีความเสี่ยง