นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยว่า การจัดเก็บรายได้ของกรมศุลกากรในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 (ต.ค.65 – 15 ก.ย.66) จัดเก็บได้ 114,475 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 8,975 ล้านบาท (ประมาณการตามเอกสารงบประมาณ 105,500 ล้านบาท) และคาดว่าเมื่อสิ้นสุดปีงบประมาณ 2566 จะจัดเก็บได้ 118,000 ล้านบาท ซึ่งจะสูงกว่าประมาณการฯ 12,500 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 11.85 สูงที่สุดในรอบ 6 ปี
ทั้งนี้ ในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา (พ.ศ. 2561 – พ.ศ. 2566) กรมศุลกากรสามารถจัดเก็บรายได้เฉลี่ยประมาณปีละ 110,000 ล้านบาท ซึ่งในปี พ.ศ. 2563 การจัดเก็บรายได้ศุลกากรลดลงมาอยู่ที่ 93,898 ล้านบาท เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด และในปี พ.ศ. 2564 แม้ว่าจะดีขึ้นแต่ยังไม่สิ้นสุด อย่างไรก็ตาม กรมศุลกากรยังสามารถจัดเก็บรายได้เพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง แบ่งเป็น
นายพชร กล่าวว่า จากผลการจัดเก็บรายได้ที่สูงขึ้นตามลำดับ ชี้ให้เห็นถึงสภาวะเศรษฐกิจโลกที่กำลังฟื้นตัว และมีแนวโน้มดีขึ้นตามลำดับหลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิดได้คลี่คลายลง
ขณะเดียวกัน กรมศุลกากรได้มีการเพิ่มมาตรการอำนวยความสะดวกทางการค้า โดยการปรับปรุงกระบวนงานพิธีการศุลกากรให้เกิดความสะดวกรวดเร็ว เพื่อเป็นการลดต้นทุนทางการค้าให้แก่ผู้ประกอบการและยังมีการแก้ไขกฎระเบียบให้พัฒนาไปสู่ความเป็นสากล มุ่งสู่พิธีการศุลกากรที่เรียบง่ายยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ กรมศุลกากรมีนโยบายในการเร่งรัดปราบปรามการลักลอบและหลีกเลี่ยงการนำเข้าและส่งออกสินค้าจากราชอาณาจักร เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในการจัดเก็บภาษี ปกป้องสังคมและสิ่งแวดล้อม จึงให้หน่วยงานในสังกัดพร้อมหน่วยปฏิบัติการวางแผนตรวจค้นจับกุมอย่างเข้มงวดเป็นพิเศษ เพื่อสกัดกั้นป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิด และยังมีการบูรณาการกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายอื่นทั้งในและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง
สำหรับในปีงบประมาณ 2564 - 2566 (เดือนตุลาคม พ.ศ. 2565 – สิงหาคม พ.ศ. 2566) กรมศุลกากร ได้ตรวจพบการกระทำความผิดตามกฎหมายศุลกากรทั้งหมด 83,763 ราย คิดเป็นมูลค่า 9,875.05 ล้านบาท แบ่งเป็น