วันนี้ (26 กันยายน 2566) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ระบุถึงกรณี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้มอบหมายให้ไปคุยกับทางการประเทศ เยอรมนี เกี่ยวกับการขาย เครื่องยนต์เรือดำน้ำ ให้กับ ประเทศจีน เพื่อนำมาติดตั้งให้กับเรือดำน้ำของประเทศไทย (ที่กองทัพเรือสั่งซื้อจากจีน) นั้น
นายปานปรีย์ ระบุว่า เท่าที่ได้มีการหารือกับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศเยอรมนี ในห้วงการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 78 เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ยังไม่มีการพูดคุยลงลึกในรายละเอียด โดยทางรัฐมนตรีเยอรมันรับที่จะนำไปพิจารณาว่าจะดำเนินการต่อไปอย่างไร และคงต้องมาคุยกันกับไทยอีกครั้งหนึ่ง
ส่วนการไปเยือนประเทศจีนของนายกรัฐมนตรีและคณะในช่วงเดือนตุลาคม 2566 จะมีการนำเรื่องดังกล่าวมาหารือด้วยหรือหรือไม่นั้น นายปานปรีย์ กล่าวว่า กำลังทำเรื่องรายละเอียดกันอยู่ และเมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า มีแนวโน้มที่จะนำเรื่องนี้ (เครื่องยนต์เรือดำน้ำ) มาคุยด้วยใช่หรือไม่ รองนายกฯ ระบุว่า คงจะต้องพูดคุยกัน เพราะเป็นเรื่องคาราคาซังอยู่
นอกจากนี้ นายปานปรีย์ยังเปิดเผยถึงความคืบหน้าในการเตรียมเดินทางเยือนกัมพูชาร่วมคณะกับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในวันที่ 28 กันยายนนี้ว่า การเยือนกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียนจะเดินทางไปให้ได้มากที่สุด เพราะเป็นประเทศในภูมิภาคเดียวกัน อยู่ใกล้กับประเทศไทย และเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่จะต้องมีการเดินทางเยือน ไม่ว่าจะเป็นระดับผู้นำหรือระดับรัฐมนตรีต่างประเทศ ซึ่งจะเป็นการแนะนำตัว และสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศ
ส่วนแผนการเยือนประเทศซาอุดีอาระเบียของนายกรัฐมนตรีนั้น ในโอกาสที่ได้พบหารือกับรัฐมนตรีต่างประเทศซาอุฯ ในระหว่างการประชุม UN เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทางซาอุฯมีการตอบรับที่ดีมาก ขณะที่ไทยเองก็พร้อมที่จะเดินทางไปเยือนแต่ยังไม่ได้กำหนดวันที่แน่นอน ส่วนฝ่ายซาอุฯ ก็ได้แสดงความสนใจที่จะมาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น
"ตอนนี้นักลงทุนของซาอุดิอาระเบีย สนใจที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทยอย่างมาก ซึ่งไทยต้องเตรียมการอย่างดีเพื่อรองรับนักลงทุน" รองนายกฯ ระบุ
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 22 ก.ย. ที่ผ่านมา นายปานปรีย์ ได้พบหารือกับเจ้าชายฟัยศ็อล บิน ฟัรฮาน อาล ซะอูด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศซาอุดีอาระเบีย ในห้วงการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 78 ทั้งสองฝ่ายยืนยันความมุ่งมั่นที่จะสานต่อพลวัตความร่วมมือทวิภาคีไทย-ซาอุดีอาระเบีย ภายหลังการฟื้นฟูความสัมพันธ์เมื่อปี 2565 โดยทั้งสองฝ่ายยินดีที่จะได้มีโอกาสพบหารือกันอีกในห้วงการประชุม ASEAN - GCC Summit ครั้งที่ 1 ซึ่งจะจัดขึ้นในเดือนตุลาคม ที่กรุงริยาด และการประชุมสภาความร่วมมือซาอุดีฯ – ไทย (STCC) ครั้งที่ 1 ซึ่งจะจัดขึ้นที่ประเทศไทย
ทั้งสองฝ่ายยังได้หารือแนวทางการ ส่งเสริมความสัมพันธ์ระดับประชาชน อาทิ การใช้ระบบ e-Visa ของซาอุดีอาระเบีย การสนับสนุนทุนการศึกษาแก่นักศึกษาไทย และการพิจารณาความเป็นไปได้ในการเพิ่มเที่ยวบินตรงระหว่างซาอุดีอาระเบียกับภูเก็ตด้วย