รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล แจ้งว่า วันนี้ (2 ตุลาคม 2566) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เตรียมหารือกับ นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยการพบกันครั้งนี้ คาดว่า นายกฯ และ ผู้ว่าฯ ธปท. จะพูดคุย ปรึกษา พร้อมรับฟังข้อแนะนำด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจ
โดยก่อนหน้านี้นายเศรษฐพุฒิ เป็นผู้ระบุเองว่า มีกำหนดการเข้าพบนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในวันจันทร์ที่ 2 ตุลาคม 2566 นี้ แต่ยังไม่ทราบรายละเอียดว่านายกรัฐมนตรีจะหารือ หรือถามคำถามในเรื่องอะไรบ้าง แต่ได้เตรียมตัวและพร้อมตอบทุกคำถาม
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ตอบคำถามผู้สื่อข่าวก่อนเข้าร่วมงานเปิดการจัดทำงบประมาณรายจ่ายปี 2567 ณ เมืองทองธานี จ.นนทบุรี วันนี้ (2 ต.ค.) ว่า ในการพูดคุยกับดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) วันนี่เป็นการพูดคุยกันธรรมดา คุยทั่วไป ผู้สื่อข่าวถามว่าได้เกี่ยวกับการที่ ธปท.ปรับขึ้นดอกเบี้ยหรือไม่? นายกฯย้ำว่า “ก็คุยทุกเรื่องครับ คุยทุกเรื่อง”
สำหรับการหารือร่วมกันระหว่างนายกฯ และ ผู้ว่าฯ ธปท. นั้น ที่ผ่านมา ได้มีการหารืออย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงที่นายเศรษฐา ก้าวขึ้นมานั่งเป็นนายกฯ แต่ยังไม่ได้มีอำนาจเต็มในการบริหารราชการแผ่นดิน
โดยเชิญผู้ว่าฯ ธปท. รวมทั้งหน่วยงานด้านเศรษฐกิจมาหารือหลายครั้ง เกี่ยวกับการจัดทำนโยบายที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจ เช่น เติมเงินดิจิทัล ผ่าน Digital Wallet 10,000 บาท
สำหรับการเรียกผู้ว่าฯ ธปท. มาหารือครั้งนี้ เกิดขึ้นท่วมกลางกระแสข่าวที่มีความพยายามกดดันเก้าอี้ผู้ว่าฯ ธปท. แต่ที่ผ่านมานายกฯ ได้ปฏิเสธข่าว พร้อมระบุว่า ไม่เคยมีความคิดเรื่องนี้ และไม่แน่ใจว่ามีข่าวมาได้อย่างไร ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่น่าตลกมาก พร้อมยอมรับว่า ที่ผ่านมาไม่เคยมีเรื่องอะไรมาก่อน และต่างคนต่างเคารพและให้เกียรติซึ่งกันและกัน
ขณะเดียวกันนายกฯ ยังระบุก่อนหน้านี้ด้วยว่า รัฐบาลจะไม่เข้าไปแทรกแซงการทำหน้าที่ของ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งขณะนี้ ธปท. กำลังจับตาเงินบาทที่อ่อนค่าลงโดยเห็นว่า เงินบาทที่อ่อนค่าลงในขณะนี้เป็นผลมาจากกระแสเงินทุนไหลออกจากประเทศไทย อันเนื่องมาจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับสูงและใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงินเชิงรุก ซึ่งส่งผลให้ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น
อย่างไรก็ตามในเบื้องต้นมีการคาดหมายกันว่า นายกฯ อาจเชิญมาหารือถึงประเด็นด้านนโยบายเศรษฐกิจมหภาค หลังจากคณะกรรมการ นโยบายการเงิน (กนง.) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ต่อปี จากเดิม 2.25% ต่อปี เป็น 2.50% ต่อปี มีผลเมื่อวันที่ 27 กันยายน 2566 ที่ผ่านมา ว่าจะมีผลกระทบอย่างไร และจะมีข้อแนะนำในการหาทางช่วยเหลือประชาชนได้อย่างไรบ้าง
เช่นเดียวกับการหารือถึงแนวโน้มด้านเศรษฐกิจ และการเงินของไทยในช่วงต่อจากนี้ ทั้ง การฟื้นตัวของภาคการส่งออกสินค้า การดำเนินนโยบายของรัฐบาล และ ผลกระทบของเอลนีโญ่ต่อผลผลิตและราคาสินค้าเกษตร
สำหรับการหารือดังกล่าว ที่ผ่านมาถือว่าเป็นสถานการณ์ตามปกติที่นายกฯ จะเชิญหน่วยงานต่าง ๆ เข้ามาหารือ เช่น ในยุคของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ได้เชิญหน่วยงานสำคัญ ๆ ทางด้านเศรษฐกิจ ทั้งหน่วยงานรัฐ องค์กรต่าง ๆ รวมถึงภาคเอกชนเข้ามาหารืออยู่บ่อยครั้ง
ต่อมาเมื่อเวลา 9.30 น. ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนสั้น ๆ ถึงการคุยกับผู้ว่าฯ ธปท. วันนี้ ก่อนการมอบนโยบายการจัดทำงบประมาณ ปี 2567 ว่า เป็นการเรียกมาคุยกัน ส่วนจะหารือเกี่ยวกับเรื่องลดดอกเบี้ยอย่างไรหรือไม่นั้น นายกฯ ระบุว่า จะหารือกันทุกเรื่อง