จากกรณีที่รัฐบาล ออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ อาทิ แจกเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท ลดค่าพลังงาน เช่น ค่าไฟฟ้า ค่าน้ำมันดีเซล ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ขณะที่การท่องเที่ยวมี"มาตรการยกเว้นวีซ่าฟรี"ให้นักท่องเที่ยวจีน คาซักสถาน มีความเห็นจากผู้ประกอบการในจังหวัดตรังอย่างน่าสนใจ
นายบุญชู ศัยศักดิ์พงษ์ ประธานกรรมการบริษัทตรังผลิตภัณฑ์อาหารทะเล จำกัด(มหาชน) ให้ความเห็นนโยบายลดค่าพลังงาน คือ ไฟฟ้า ลดเหลือหน่วยละ 3.99 บาทว่า ที่ผ่านมาโรงงานของตนจ่ายค่าไฟฟ้าเดือนละประมาณ 7 ล้านบาทได้ลดค่าไฟฟ้าก็จริง แต่ต้องจ่ายค่าแรงงานวันละ 400 บาท
"ปัจจุบันโรงงานของตนต้องจ่ายค่าแรงงานเดือนละ 20 ล้านบาท ถ้าค่าแรงขึ้นมา 10% ส่งผลให้ต้องจ่ายค่าแรงเพิ่ม 2 ล้าน รวมเดือนละ 22 ล้านบาท บริษัทฯยินดีขึ้นค่าแรงงานตามนโยบายรัฐบาล เพราะยังอยู่ในเกณฑ์ที่รับได้"
นายบุญชู กล่าวอีกว่า สภาพเศรษฐกิจไทย ตั้งแต่ปี 2566 ถึงกลางปี 2567 ยังไม่ดี เพราะเพิ่จัดตั้งรัฐบาลใหม่ อีกทั้งดอกเบี้ยนโยบายของไทยจะอยู่ที่ 2.25% ต่างกับดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)อยู่ที่ 5.25 ถึง 5.5% ทำให้นักลงทุนต่างหันมาซื้อพันธบัตรรัฐบาลของอเมริกากันมากขึ้น
นายจิระเกษม พิตรปรีชา รองกรรมการผู้จัดการ ห้างสิริบรรณช้อปปิ้งเซ็นเตอร์ เปิดเผยว่า นโยบายของรัฐที่แจกเงิน 10,000 บาท จะส่งผลดีกับร้านค้า ห้างสรรพสินค้าที่เข้าร่วมโครงการ ส่วนรัศมีที่ให้ประชาชนเข้าใช้บริการร้านค้าในระยะ 4 กิโลเมตร จะเป็นผลดีหากทำได้ อยากให้ร้านค้าในท้องถิ่นขายสินค้าได้ทุกร้านค้า หากทำได้เงินหมุนเวียนก็ครอบคลุมทุกพื้นที่ ไม่ไปกระจุกที่ผู้ค้ารายใดรายหนึ่งที่จะได้รับประโยชน์
ที่ผ่านมารัฐบาลก่อนแจกเงินช่วงโควิด-19 ร้านค้ารับแลกสิทธิ์เงินเป๋าตังมาเป็นเงินสดหักเปอร์เซ็นต์โดยที่ไม่ได้มีการใช้จ่ายจริง อยากให้รัฐบาลหามาตรการป้องกันในเรื่องนี้
ตั้งแต่ครึ่งปีหลัง 2566 เศรษฐกิจในจังหวัดตรังซบตัว การใช้จ่ายของประชาชนลดลงอย่างเห็นได้ชัด ส่วนหนึ่งมาจากการจัดตั้งรัฐบาลล่าช้า รายได้ประชาชนลดลงอันเนื่องมาจากราคายางพาราต่ำ ผลไม้บางชนิดราคาไม่ดี ทางห้างสิริบรรณฯต้องปรับปรุงพื้นที่ของห้างให้มีสินค้า ร้านเพิ่มเข้ามาในห้าง เช่น กำลังเตรียมเปิดร้านกาแฟอเมซอน เปิดร้าน ชาบูปิ้งย่าง ชั้น 1 ในเดือนพฤศจิกายน 2566 นี้
นางเอมอร ยิ้วเหี้ยง เจ้าของร้านขนมเปี๊ยะซอย 9 เปิดเผยว่าการที่รัฐบาลออกนโยบายวีซ่าฟรีให้นักท่องเที่ยวจีนและคาซักสถาน ในส่วนของจังหวัดตรังนักท่องเที่ยวต่างชาติยังเข้ามาท่องเที่ยวไม่มาก ส่วนใหญ่จะเป็นนักท่องเที่ยวในประเทศมาเที่ยวจังหวัดตรัง จะเน้นการท่องเที่ยวทะเล ทานอาหารทะเล อาหารไทย จีน ที่มีขายมากมาย ขนมหลากหลายชนิด ที่นักท่องเที่ยวซื้อเป็นของฝากกลับไป
พร้อมสะท้อนภาพการท่องเที่ยวของตรังว่า ยังไม่ตอบโจทย์นักท่องเที่ยว เช่นสถานที่ท่องเที่ยวหาดปากเมง ยังไม่พัฒนาให้มีความเจริญเหมือน พัทยา ภูเก็ต หากนักท่องเที่ยวจะไปเที่ยวในเวลากลางคืน ก็ไม่มีสถานที่ท่องเที่ยวรองรับ ไม่มีไฟฟ้าส่องสว่าง นักท่องเที่ยว ไม่กล้าไปเที่ยวในเวลากลางคืน การพัฒนาสถานที่ท่องเที่ยวของตรัง ยังมีไม่มาก
ที่ร้านของตนผลิตขนมเปี๊ยะขายให้นักท่องเที่ยว มีนักท่องเที่ยวจาก มาเลเซีย สิงคโปร์ ขับรถยนต์ส่วนตัวเข้ามาซื้อขนม โดยจะสั่งซื้อไว้ก่อน แล้วเดินทางต่อไปเที่ยว กระบี่ พังงา ภูเก็ต ขากลับมารับขนมที่ร้าน ก่อนที่จะเดินทางกลับเข้าไปมาเลเซียและสิงคโปร์ ตรังเป็นทางผ่านเท่านั้น
นางเอมอร กล่าวว่า เมื่อไม่นานมานี้มีนักท่องเที่ยวเป็นเศรษฐีชาวอินเดียมาเที่ยวจังหวัดตรัง เขาบอกว่าตั้งใจมาเที่ยวที่ตรังเพราะศึกษาข้อมูลมาก่อนแล้ว ปกตินักท่องเที่ยวอินเดียที่มีร่ำรวยจะนิยมเที่ยว กรุงเทพ พัทยา ภูเก็ต เป็นส่วนมากทั้งที่มาเที่ยวและมาจัดงานแต่งงานในเมืองไทย ถึงเวลาแล้วที่ภาครัฐและเอกชนจะต้องพัฒนาสถานที่ท่องเที่ยวเพื่อดึงดูดให้นักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามาเที่ยวตรังเพิ่มขึ้น