คลังชี้ดอกเบี้ยขาขึ้น ดันต้นทุนเงินกู้รัฐพุ่ง 3%

24 ต.ค. 2566 | 07:57 น.
อัปเดตล่าสุด :24 ต.ค. 2566 | 07:58 น.

คลังรับต้นเงินกู้รัฐบาลพุ่ง อยู่ที่ 3% หลังแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น ด้านนายกฯ สั่งสบน. ศึกษาแผนออกบอนด์สกุลเงินต่างประเทศ ทดสอบตลาด สร้างดอกเบี้ยอ้างอิงให้เอกชน

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ต้นทุนการกู้เงินของรัฐบาลได้ทยอยปรับสูงขึ้น ซึ่งเป็นไปตามทิศทางของอัตราดอกเบี้ยของตลาด ทั้งอัตราดอกเบี้ยนโยบายและดอกเบี้ยในตลาดโลก โดยต้นทุนการกู้เงินเฉลี่ยของรัฐบาลน่าจะปรับเพิ่มเป็น 3% ต้นๆ

“หลายปีที่ผ่านมา ต้นทุนการเงินของรัฐบาลอยู่ในระดับต่ำ เพราะดอกเบี้ยในตลาดอยู่ในระดับต่ำมานาน แต่ระยะที่ผ่านมา ดอกเบี้ยในตลาดปรับเพิ่มขึ้น ก็ส่งผลให้ต้นทุนการกู้เงินของรัฐบาลปรับเพิ่มตามไปด้วย ซึ่งหนีไม่พ้น ทั้งต้นทุนเงินกู้ของรัฐบาลและต้นทุนเงินกู้ของภาคเอกชน”

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง

นายจุลพันธ์ ยังกล่าวอีกว่า นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้มอบหมายให้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ไปพิจารณาแผนการออกบอนด์ต่างประเทศ  เพื่อสร้างอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง (Bench Mark) ในการออกไประดมเงินทุนต่างประเทศของภาคเอกชน

“ท่านนายกฯได้พูดว่า เราควรจะ Explore ตลาดต่างประเทศบ้าง เพื่อเป็น Bench Mark ให้กับภาคเอกชนและนานแล้ว 20-30 ปีที่เราไม่ได้ไปตลาดต่างประเทศเลย เราต้องเร่งสร้างจุดยืนในเวทีโลก ท่านก็เดินทางไปต่างประเทศ เพื่อดึงเม็ดเงินจากต่างประเทศ”

ทั้งนี้ แม้การออกไประดมเงินในตลาดต่างประเทศดังกล่าวจะออกไปเพื่อเป็นการทดลองตลาด  เชื่อว่า ออกเท่าไหร่ก็จะขายได้หมด แต่สำหรับระยะเวลาที่จะไปออกนั้น ต้องดูระยะเวลาที่เหมาะสม เพราะต้องดูเรื่องกรอบต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยในประเทศกับต่างประเทศ ไม่ให้เป็นผลทางลบกับประเทศไทย

ขณะเดียวกัน ในปีงบประมาณ 2567 สบน.มีแผนจะออกพันธบัตรเพื่อความยั่งยืน หรือ Sustainability Bond จำนวน 2 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 7 หมื่นล้านบาท ซึ่งขณะนี้ มีนักลงทุนได้แสดงความจำนงในการเข้าซื้อบอนด์ดังกล่าวแล้ว