ภายหลังคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อช่วงปลายเดือนกันยายน 2566 ที่ผ่านมา ที่ประชุมได้มอบหมายให้ กระทรวงกลาโหม ประสานกับหน่วยงานต่างๆ ในสังกัด เพื่อตรวจสอบพื้นที่ของรัฐในความครอบครองของแต่ละหน่วยงาน ให้ถูกต้อง ชัดเจน และพิจารณากำหนดแนวทางการอนุญาตให้ประชาชนเข้าใช้ประโยชน์ เพื่อทำกินใน "ที่ดินทหาร" ในส่วนที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ได้นั้น
ล่าสุดในการประชุมครม. เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2566 กระทรวงกลาโหม ได้จัดทำรายละเอียดเข้ามารายงานต่อที่ประชุมเพื่อพิจารณาความคืบหน้า ฐานเศรษฐกิจ ขอสรุปรายละเอียดทั้งหมดเกี่ยวกับแนวทาง วิธีการ ของการเตรียมความพร้อมให้ชาวบ้านสามารถเข้าไปใช่ประโยชน์ในที่ดินทหาร ดังนี้
จากการตรวจสอบและรวบรวมข้อมูลจากแผนการพัฒนาและใช้ประโยชน์ที่ดินทหาร ในความครอบครองของ กระทรวงกลาโหม พ.ศ. 2566-2580 แบ่งประเภทที่ดินออกเป็น 3 ส่วนหลัก คือ
พร้อมทั้งกำหนดแนวทางการอนุญาตให้ประชาชนเข้าใช้ประโยชน์เพื่อทำกินในที่ดินทหารในความครอบครองของ กระทรวงกลาโหม โดยจะใช้ที่ดินประเภทที่ราชพัสดุซึ่งมีประชาชนอยู่อาศัยถาวร ชุมชนหนาแน่นหรือหมดความจำเป็นในการใช้ประโยชน์ราชการทหารมาดำเนินการ
ทั้งนี้ กระทรวงกลาโหม ได้จัดลำดับความเร่งด่วนของที่ดินทหาร 3 ลำดับ ประกอบด้วย
กำหนดรายละเอียดครอบคลุมลักษณะที่ดิน
แนวทางการดำเนินการ
ให้ประชาชนเช่าที่ดินกับกรมธนารักษ์ เพื่อเข้าใช้ประโยชน์เพื่อทำกินในที่ดิน (กระทรวงกลาโหม ได้กำหนดพื้นที่นำร่องที่จะดำเนินการแล้ว คือ พื้นที่อำเภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี)
กำหนดรายละเอียดครอบคลุมลักษณะที่ดิน
แนวทางการดำเนินการ
หากสามารถเจรจาขอความร่วมมือกับประชาชนได้หรือกระบวนการพิสูจน์สิทธิ์แล้วเสร็จ สามารถที่จะดำเนินโครงการให้ประชาชนเข้ามาใช้ประโยชน์ได้เช่นกัน
กำหนดรายละเอียดครอบคลุมลักษณะที่ดิน
แนวทางการดำเนินการ
สามารถจัดสรรให้ทำกินได้ชั่วคราว
การอนุญาตให้ประชาชนใช้ประโยชน์ที่ดินทหารเพื่อทำกิน จะต้องปฏิบัติตามข้อกฎหมายและระเบียบว่าด้วยที่ราชพัสดุที่เกี่ยวข้อง โดยกระทรวงกลาโหม จะประสานกับกรมธนารักษ์เพื่อหารือแนวทางในการจัดสรรที่ดินดังกล่าวให้กับประชาชนที่มีความเดือดร้อนในพื้นที่ทำกิน
รวมถึงร่วมกับศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 4 กอ.รมน. และคณะอนุกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) เพื่อขับเคลื่อนการปฏิบัติ ทั้งนี้ตั้งเป้าหมายจะเร่งดำเนินการให้เห็นผลเป็นรูปธรรมโดยเร็วที่สุด