นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยกับฐานเศรษฐกิจว่า ในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน 2566 นี้ กระทรวงแรงงาน เตรียมนำคณะ เดินทางไปยังเมืองดาร์วิน ออสเตรเลีย เพื่อจัดทำบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างประเทศไทยและเมืองดาร์วิน เกี่ยวกับการสนับสนุนแรงงานไทยที่กลับจากอิสราเอล ได้เดินทางไปทำงานด้านการเกษตรที่ออสเตรเลีย
“กระทรวงแรงงาน ได้รับการประสานมาจากทางเมืองดาร์วิน ซึ่งมีความต้องการแรงงานไทยไปทำงานเกี่ยวกับการเกษตร เช่น การทำงานในสวนผลไม้ และการทำงานในฟาร์ม เบื้องต้น มีความต้องการก่อน 15 คน ในระยะสั้น ๆ และในอนาคตจะพิจารณาเพิ่มจำนวนขึ้นอีก ซึ่งการเดินทางไปครั้งนี้รัฐบาลไทยจะมี MOU ร่วมกันด้วย ซึ่งจะเป้นอีกหนึ่งโอกาสสำคัญของการขยายตลาดแรงงานของไทยไปในออสเตรเลียเพิ่มเติม” นายพิพัฒน์ ระบุ
ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ยอมรับถึงการเริ่มต้นความร่วมมือครั้งนี้กับทางเมืองดาร์วินกับฐานเศฐกิจด้วยว่า การส่งเสริมแรงงานไปทำงานที่ดาร์วินนั้น กระทรวงแรงงาน จะเปิดโอกาสให้กับแรงงานไทยที่เดินทางกลับมาจากอิสราเอลก่อนเป็นลำดับแรก เพื่อช่วยเหลือแรงงานกลี่มนี้ไม่ให้ตกงาน โดยค่าตอบแทนของการไปทำงานครั้งนี้แม้ว่าจะเป็นระยะสั้น แต่จะมีรายได้สูงกว่าไปทำงานที่อิสราเอลแน่นอน และเป็นประเทศที่ปลอดภัยด้วย
ส่วนการส่งเสริมแรงงานไทยจากอิสราเอลไปทำงานในประเทศอื่น ๆ นั้น ล่าสุด กระทรวงแรงงาน ได้ประสานกับทางรัฐบาลเกาหลีใต้แล้ว เพื่อส่งแรงงานไทยไปทำงานด้านการเกษตรเช่นกัน ซึ่งที่ผ่านมาไทย-เกาหลีใต้ มีความร่วมมือระหว่างกันอยู่แล้ว จึงทำให้การส่งเสริมให้แรงงานไปทำงานนั้นสามารถดำเนินการได้ทันที และในอนาคตอาจจะขยายความร่วมมือไปยังเมืออื่น ๆ ให้มากขึ้นด้วย
นายพิพัฒน์ กล่าวอีกว่า ในการช่วยเหลือแรงงานไทยที่กลับจากอิสราเอลล่าสุด กระทรวงแรงงาน เตรียมเสนอนายกรัฐมนตรี เพื่อพิจารณาจัดสรรงบกลาง มาช่วยเหลือแรงงานไทยที่ได้รับความเดือดร้อนและอาจมีรายได้ไม่เพียงพอต่อการดำรงชีพ หลังจากเดินทางกลับจากประเทศอิสราเอลแล้วมีรายได้ไม่เพียงพอต่อการดำรงชีพ
ขณะเดียวกัน กระทรวงแรงงาน ยังได้มอบหมายให้หน่วยงานในสังกัดช่วยกันแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับการช่วยเหลือด้านต่าง ๆ ของรัฐบาล เช่นเดียวกับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ที่แรงงานไทยจะได้รับทั้งหมด เพื่อเป็นการช่วยเหลือในเบื้องต้น รวมทั้งการดึงสถาบันการเงินของรัฐเข้ามาให้ความช่วยเหลือด้านการเงิน หรืออาจมีแนวทางช่วยเหลือเพิ่มเติม เช่น การพักหนี้ เป็นต้น
ส่วนการยื่นคำร้องขอรับสิทธิประโยชน์กองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานในต่างประเทศ ของกองบริหารแรงงานไทยในต่างประเทศ กรมการจัดหางาน ณ วันที่ 29 ตุลาคม 2566 พบว่า มีผู้ยื่นคำรองทั้งหมด 2,700 ราย โดยมีการพิจารณาสั่งจ่ายแล้ว 865 ราย รวมเป็นเงิน 13.09 ล้านบาท แบ่งเป็น
นอกจากนี้ในส่วนของรายงานสถานการณ์แรงงานไทยในอิสราเอล ล่าสุดจากข้อมูลอ้างอิงของฝ่ายแรงงาน ประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ สำนักประสานความร่วมมือระหว่างประเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงแรงงาน และกรมการจัดหางาน ณ วันที่ 29 ตุลาคม 2566 พบข้อมูลดังนี้