วันที่ 2 พฤศจิกายน 2566 นายณพ ณรงค์เดช พร้อม นายวีระวงค์ จิตต์มิตรภาพ ที่ปรึกษากฎหมาย และ คุณหญิงกอแก้ว บุณยะจินดา พร้อม อภิวุฒิ ทองคำ ที่ปรึกษากฎหมาย เปิดบ้านแถลงข้อมูลสำคัญโต้กลับทุกข้อกล่าวหาทั้ง คดีครอบครัว และคดีหุ้นวินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง (WEH) ยืนยันความบริสุทธิ์ เนื่องจาก 5 ศาลมีคำพิพากษาชนะคดีรวดตลอด 6 ปี
คุณหญิงกอแก้ว บุณยะจินดา กล่าวยืนยันความบริสุทธิ์ว่า ตนเองไม่ได้โกงใครและไม่ได้ปลอมลายเซ็นใคร เรื่องนี้เริ่มต้นจากการให้ความช่วยเหลือ นายณพ ซึ่งเป็นลูกเขย และพ่อของหลานทั้งสองคน ซึ่ง ณ ขณะนั้นไม่มีใครให้ความช่วยเหลือได้ หากตนเองไม่ช่วย บริษัทนี้อาจล้มละลายได้ เพราะธนาคารอาจจะไม่อนุมัติสินเชื่อ
“ที่ผ่านมามีการให้ข่าวที่ไม่ครบถ้วน ทำให้สาธารณชนเข้าใจผิด ดิฉันอายุ 70 ปีแล้ว ชีวิตครอบครัวอยู่อย่างสงบสุข ใช้ชีวิตสบาย ๆ ไม่จำเป็นต้องการอะไรของใคร ณพ มาขอความช่วยเหลือดิฉันจึงตัดสินใจช่วย แต่มีเงื่อนไขว่าแม่จะไม่ออกหน้าให้หาคนที่เชื่อใจมาใส่ชื่อแทน”
ทั้งนี้เมื่อวินด์พ้นวิกฤต ทำรายได้ปีละหลายพันล้านบาทก็ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์วุ่นวายขึ้น เชื่อว่ามีหลายฝ่ายต้องการอยากได้หุ้นวินด์ ทำให้เกิดความขัดแย้ง ไม่พูดความจริงจนกลายเป็นคดีความ แต่ท้ายที่สุดศาลก็ตัดสินออกมาแล้วว่าตนเองไม่ได้โกง และไม่ได้ปลอมลายเซ็นใคร
“ถ้าลงทุนก็ต้องได้หุ้น ถ้าม่ลงทุนก็ไม่มีสิทธิ์ได้ แต่พอไม่ลงทุนแล้วอยากได้หุ้น ก็สร้างเรื่องเบี่ยงเบนต่าง ๆ โดยหลักฐานเรามีครบ ดิฉันขอให้สังคมลองย้อนกลับไปมองในอดีตตอนที่วินด์ยังไม่มีราคา ไม่เห็นมีใครอยากได้หุ้นเลย ล่าสุดศาลมีคำพิพากษาออกมาทั้ง 3 ศาลว่าดิฉันไม่ได้โกงและไม่ได้ปลอมลายเซ็นใครอย่างที่กล่าวหา”
นาย ณพ ณรงค์เดช กล่าวว่า ตลอด 6 ปีที่ผ่านมาเลือกที่จะไม่ตอบโต้ เพื่อรอศาลพิพากษาให้ครบทุกคดี จึงออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงในครั้งเดียว เพื่อให้เกิดความชัดเจน พร้อมพิสูจน์ความจริง ตอบทุกข้อกล่าวหาที่ถูกนำไปเบี่ยงเบนเป็นประเด็น โดยไม่ได้ให้ข้อเท็จจริงอย่างครบถ้วน ส่งผลให้เกิดความเข้าใจผิด
ทั้งนี้ยืนยันว่า การลงทุนในหุ้นวินด์ฯ เป็นการลงทุนส่วนตัวของตนเองไม่เกี่ยวกับครอบครัว แม้มีการหยิบยืมเงินจากครอบครัวไปบ้าง และยังคงค้างชำระอยู่หลายร้อยล้านบาท แต่มีการคืนเงินแล้วบางส่วนพร้อมดอกเบี้ยโดยมีเอกสารกู้ยืมชัดเจน ดังนั้น จึงไม่ใช่การลงทุนร่วมกันแต่อย่างใด นอกจากนี้ยังมีการกู้เงินจาก KPN Land และจัดหามาจากช่องทางอื่น ๆ
“เรื่องที่เสียใจที่สุดคือการที่ คุณพ่อ (ดร.เกษม ณรงค์เดช) ต้องเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เพียงเพราะมีคนต้องการผลประโยชน์จากหุ้นวินด์ฯ ผมและลูก ๆ ไม่ได้รับโอกาส ให้เข้าไปพบคุณพ่อตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา เพราะความขัดแย้งของพี่น้อง แม้จะพยายามเข้าพบหลายรอบแล้วก็ตาม ซึ่งยังคงเฝ้ารอโอกาสที่จะได้เข้าพบคุณพ่อเสมอ”
ปัจจุบันนี้ ธุรกิจที่มี 3 พี่น้อง กฤษณ์ ณพ และกรณ์ ณรงค์เดช เป็นผู้ถือหุ้นร่วมกันนั้น มีเพียง บริษัท เคพีเอ็น แลนด์ เท่านั้น โดยถือหุ้นคนละ 1 ใน 3 จนกระทั่งเกิดความขัดแย้งกันในเรื่องหุ้น วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง ณพ จึงถูกกันออกมา ไม่ได้ร่วมบริหารจัดการหรือร่วมตัดสินใจใด ๆ รวมทั้งการที่ บริษัท เคพีเอ็น แลนด์ จำกัด เข้าไปเป็นผู้ถือหุ้นของ บริษัท ไรมอนแลนด์ จำกัด (มหาชน) ด้วย
โดยธุรกิจส่วนตัวของ ณพ ณรงค์เดช ยังมีสถาบันดนตรี KPN ซึ่งเป็นธุรกิจที่ภูมิใจที่สุด ที่ได้ทำขึ้นตามความปรารถนาของคุณแม่ (คุณหญิงพรทิพย์ ณรงค์เดช) ซึ่งมีแฟรนไชส์อยู่ทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังมีธุรกิจโรงพยาบาล ที่ได้ร่วมลงทุนกับหุ้นส่วนอีก 2 บริษัทด้วย
คดีที่ 1 – คดีฮ่องกง HCA 1525/2018 (ศาลเขตปกครองพิเศษฮ่องกง)
เกษม ณรงค์เดช เป็นโจทก์ ฟ้องโกลเด้น มิวสิค ลิมิเต็ด จำกัด จำเลยที่ 1 ณพ ณรงค์เดช จำเลยที่ 2 คุณหญิงกอแก้ว บุณยะจินดา จำเลยที่ 3 เรื่องละเมิดและขอคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว เมื่อ 2561
คดีที่ 2 – คดีใช้เอกสารปลอม อ.2497/2561 (ศาลอาญา รัชดา)
เกษม ณรงค์เดช เป็นโจทก์อ้างว่าตนเองในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท โกลเด้น มิวสิค ลิมิเต็ด จำกัด ฟ้องคุณหญิงกอแก้ว บุณยะจินดา จำเลยที่ 1 ณพ ณรงค์เดช จำเลยที่ 2 และสุรัตน์ จิรจรัสพร จำเลยที่ 3 เรื่องความผิดเกี่ยวกับเอกสาร เมื่อปี 2561
คดีที่ 3 – คดีเรียกทรัพย์คืน พ.1031/2562 (ศาลแพ่งกรุงเทพใต้)
เกษม ณรงค์เดช เป็นโจทก์ยื่นฟ้องจำเลย 14 คน และมีจำเลยร่วมอีก 31 คน เมื่อปี 2562 เรื่องให้เรียกทรัพย์คืน (หุ้นบริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด)
คดีที่ 4 – คดีผิดสัญญา เรียกทรัพย์คืน พ.978/2565 (ศาลแพ่งกรุงเทพใต้)
กฤษณ์ และกรณ์ ณรงค์เดช เป็นโจทก์ร่วมฟ้อง ณพ ณรงค์เดช เป็นจำเลยที่ 1 บริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด เป็นจำเลยที่ 2 บริษัท โกลเด้น มิวสิค ลิมิเต็ด จำกัด เป็นจำเลยที่ 3 และคุณหญิงกอแก้ว บุณยะจินดา เป็นจำเลยที่ 4 เมื่อปี 2565 เรื่องสัญญาเพิกถอนนิติกรรม เรียกทรัพย์คืน
คดีที่ 5 – คดีปลอมลายเซ็น อ.1708/2564 (ศาลอาญากรุงเทพใต้)
คดีที่พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการสูงสุด (สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ 1) เป็นโจทก์ฟ้อง ณพ ณรงค์เดช กับพวกรวม 3 คน เมื่อปี 2564 ในฐานความผิด ร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิ และใช้เอกสารสิทธิปลอม ร่วมกันปลอมเอกสาร และใช้เอกสารปลอม
ก่อนหน้านี้ ครอบครัวณรงค์เดช ประกอบด้วย นายกฤษณ์ และนายกรณ์ ณรงค์เดช ได้ออกมาแถลงข่าวยืนยันความบริสุทธิ์เช่นกัน โดยได้นำคำพิพากษาจากศาลอาญากรุงเทพใต้ คดีหมายเลขแดงที่ อ.1753/2566 โดยศาลมีคำสั่งพิพากษาว่า เอกสารจำนวน 5 ฉบับเป็นลายเซ็นปลอม กล่าวคือ
โดยนายณพ ณรงค์เดช ระบุถึงเรื่องนี้ว่า การแถลงข่าวเรื่องการปลอมเอกสาร ก็เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจไปจากผลของคดีอาญาที่ “ศาลยกฟ้อง” ทั้ง 2 คดี ว่า คุณหญิงกอแก้วและผม ”ไม่ได้” ปลอมเอกสาร และ ”ไม่ได้” ใช้เอกสารปลอม
“นายกฤษณ์ นายกรณ์ ก็ไม่เคยให้ข่าวเลย ว่าศาลแพ่งกรุงเทพใต้ได้มีคำพิพากษา ยกฟ้อง ว่านายกฤษณ์และนายกรณ์ไม่ได้ร่วมลงทุนจ่ายเงินซื้อหุ้น บริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี กับผมตามที่กล่าวอ้าง เท่ากับไม่มีสิทธิ์ใด ๆ ในหุ้นวินด์ฯ มีแต่ความพยายามออกสื่อแบบเท็จทั้งสิ้นว่าผมโกง”
ด้านนายวีระวงค์ จิตต์มิตรภาพ ที่ปรึกษากฎหมาย ของนาย ณพ ณรงค์เดช ระบุว่า คำตัดสินของศาลขณะนี้ขัดแย้งกัน ซึ่งไม่แน่ใจว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อจากนี้ แต่ต้องระมัดระวังให้มากที่สุด ถ้าเอกสารทั้ง 5 ฉบับดังกล่าวเป็นเอกสารปลอมตามพิพากษาจากศาลอาญากรุงเทพใต้แล้วล่ะก็ การดำเนินการทางธุรกิจต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมาก็ต้องเป็นโมฆะทั้งหมด
“ระยะเวลาล่วงเลยไปหลายปีแล้ว เกิดการดำเนินธุรกิจ โอนหุ้น แบ่งหุ้น ไปแล้ว ส่วนทาง WEH ก็ดำเนินธุรกิจต่อมาจากสามารถจ่ายปันผลได้แล้ว แต่ขณะเดียวกันอีก 2 ศาล ก็มีคำพิพากษายกฟ้องไปแล้ว ทำให้ยังไม่แน่ใจว่าปัจจุบัน ใครกันแน่ที่ถือหุ้นวินด์จำนวนดังกล่าว