จากกรณีหุ้น วินด์ เอ็นเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง (WEH) ที่ศาลชั้นต้นอังกฤษมีคำตัดสินให้ ณพ ณรงค์เดช อดีตผู้ถือหุ้นของ WEH และพวกรวม 14 คน ร่วมกันจ่ายค่าเสียหายราว 900 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 30,000 ล้านบาท ให้แก่ นพพร ศุภพิพัฒน์ ผู้ก่อตั้งและอดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ WEH จากมูลค่าความเสียหายที่ นพพร ฟ้องเรียกไป 1,500 ล้านเหรียญสหรัฐ หลังถูกนายนพพร ฟ้องในข้อหาสมคบกันชักจูงใจด้วยข้อมูลลวงให้ขายหุ้น WEH
ทั้งนี้จำเลยที่ 13 ในคดีนี้ "วีระวงค์ จิตต์มิตรภาพ" นักกฏหมายชื่อดัง และในฐานะที่ปรึกษากฏหมายของ WEH ได้ชี้แจงผ่านเฟสบุ๊คชื่อ WeerawongWonderfulWays โดยระบุข้อความดังนี้
ความเท็จความจริงในคำพิพากษาคดีหุ้นวินด์ของศาลอังกฤษ
คดีหุ้นวินด์ มีทั้งกระบวนการอนุญาโตตุลาการที่สิงคโปร์ คดีในศาลฮ่องกง คดีในศาลอังกฤษ และคดีในศาลไทย แต่ที่เป็นประเด็นในเชิงวิชาการนิติศาสตร์และการใช้อำนาจตุลาการในช่วงนี้ที่ผ่านมา คือ การที่ศาลชั้นต้นของศาลอังกฤษมีคำพิพากษาให้ผม (นายวีระวงค์ไม่ใช่สำนักงานกฎหมายวีระวงค์ฯ) และจำเลยอื่น ๆ ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายให้แก่นายนพพรและบริษัทของนายนพพรจำนวนสูงมากในคดีแพ่ง ทั้ง ๆ ที่มีการฟ้องคดีอาญาในเรื่องเดียวกันอยู่ก่อนแล้วในศาลไทย
คดีที่ศาลอังกฤษนี้ นายนพพรซึ่งเป็นโจทก์เป็นคนไทย จำเลยเกือบทั้งหมดเป็นคนไทย เรื่องราวทั้งหมดอันเป็นข้อหาฟ้องร้องของโจทก์เกิดขึ้นในประเทศไทย และตามหลักการเกี่ยวกับกฎหมายที่จะใช้บังคับกับคดี จะต้องใช้กฎหมายไทย แต่ไปฟ้องที่ศาลอังกฤษได้ เพราะระบบกฎหมายของอังกฤษเปิดให้มีการฟ้องคดีที่ศาลอังกฤษได้ หากมีจำเลยแม้เพียงคนเดียวเป็นคนสัญชาติอังกฤษ (คดีนี้มีจำเลย 17 ราย มีคนสัญชาติอังกฤษ 1 คน)
คำพิพากษาของศาลอังกฤษนี้เป็นเพียงคำพิพากษาศาลชั้นต้น ซึ่งอาจมีการกลับได้ในชั้นอุทธรณ์/ฎีกา แต่ไม่ว่าจะเป็นคำพิพากษาศาลชั้นต้นหรือศาลสูงของอังกฤษก็จะนำมาใช้บังคับกับจำเลยที่เป็นคนไทยในประเทศไทยไม่ได้ จึงมีจำเลยคนไทย 2 คน (คือนายเกษมและนายประเดช) ไม่ไปต่อสู้คดีเลย เพราะไม่ว่าคำพิพากษาจะออกมาอย่างไรก็ไม่กระทบถึงตนเอง
แต่แท้จริงแล้วเป้าหมายของโจทก์ คือ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ซึ่งหากไม่ไปต่อสู้คดีก็จะถูกพิพากษาฝ่ายเดียวให้แพ้คดีตามที่ฝ่ายนพพรกล่าวอ้าง และถูกยึดทรัพย์สินที่ SCB มีอยู่ในประเทศที่ใช้คำพิพากษาศาลอังกฤษไปบังคับเพื่อชำระหนี้ได้ คือ ฮ่องกง และสิงคโปร์ จึงเป็นเหตุให้ผมและจำเลยคนไทยคนอื่นๆ (นอกจากนายเกษมและนายประเดช) ต้องเข้าไปต่อสู้คดีเพื่อไปให้ข้อมูลเกี่ยวกับการที่ SCB ให้เงินกู้กับกลุ่มบริษัทวินด์ (ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญของคดีที่มีการกล่าวหา SCB และจำเลยคนอื่น ๆ) ว่าเป็นไปด้วยความถูกต้อง จนในที่สุดคำพิพากษาของศาลอังกฤษต้องยกฟ้องในส่วนของ SCB และนายอาทิตย์ (CEO ในขณะนั้น)
ในการฟ้องคดีที่อังกฤษนี้ นายนพพรมีกองทุนค้าความชื่อ Harbour Litigation Funding เป็นผู้สนับสนุนออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมดซึ่งเป็นจำนวนเงินลงทุนที่สูงจนน่าตกใจ แต่กองทุนค้าความ Harbour Litigation Funding นี้จะได้แบ่งผลประโยชน์หากนายนพพรชนะคดีอย่างเกินคุ้ม ซึ่งการดำเนินการเป็นธุรกิจเยี่ยงนี้ของ Harbour Litigation Funding ซึ่งเป็นกองทุนค้าความเอกชนขนาดใหญ่ที่สุดในโลกนี้ผิดกฎหมายไทย การออกค่าใช้จ่ายในคดีที่มีการฟ้องร้องในประเทศไทยเพื่อหาประโยชน์เข้าตนจากคดีที่ตนเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยเลยทำไม่ได้ ซึ่งกองทุนค้าความ Harbour Litigation Funding นี้เคยสนับสนุนคดีที่ดึงบริษัทไทยไปฟ้องในต่างประเทศ และทำผลกำไรมหาศาลมาแล้ว
ความจริงในคำพิพากษาคดีหุ้นวินด์ของศาลอังกฤษ
คดีนี้เป็นคดีใหญ่มากมีการเรียกค่าเสียหายกันหลายหมื่นล้านบาท (ไทย) แต่ระบบกฎหมายอังกฤษกลับมีผู้พิพากษาเพียงนายเดียว คือ นาย Calver ทำหน้าที่รับฟังพยานเบิกความและพิจารณาพยานหลักฐานอื่น ๆ ทั้งหมด เพื่อตัดสินคดี ซึ่งในคำพิพากษาก็มีนาย Calver ลงชื่อคนเดียว โดยไม่มีองค์คณะ
นาย Calver ได้รับพิจารณาและพิพากษาคดี ทั้งๆ ที่ทราบดีว่า บริษัทของนายนพพรได้ทำการฟ้อง “คดีอาญา” ในศาลไทยเอากับจำเลยหลายคนในคดีอังกฤษนี้ (ซึ่ง SCB นายอาทิตย์ อดีต CEO ของ SCB และผมไม่ได้ถูกฟ้องด้วย) ในฐานความผิดเดียวกัน คือ กล่าวหาว่าจำเลยทั้งหมดร่วมกันให้บริษัท REC โอนขายหุ้น WEH ออกไป โดยมีเจตนาพิเศษที่จะทำให้บริษัทของนายนพพรไม่ได้รับชำระหนี้จากบริษัทของนายณพ (ร่วมกันโกงเจ้าหนี้ตามประมวลกฎหมายอาญาของไทย) (คดีอาญาหมายเลขดำที่ อ. 157/2561 ของศาลแขวงพระนครใต้ ซึ่งในขณะนี้ศาลยังไม่ได้พิพากษา) ก่อนที่จะไปฟ้อง “คดีแพ่ง” ในศาลอังกฤษ
ซึ่งการที่นายนพพรและบริษัทของนายนพพรเลี่ยงไปฟ้องคดีแพ่งที่ศาลอังกฤษก็เพราะเมื่อฟ้องคดีอาญาไว้แล้วจะดำเนินกระบวนการในศาลไทยเกี่ยวกับการเรียกร้องค่าเสียหายเป็นคดีแพ่งในข้อกล่าวหาเดียวกันนั้นไม่ได้ ศาลไทยจะจำหน่ายคดี ( คือฟ้องได้แต่ดำเนินกระบวนการพิจารณาต่อไม่ได้ ) ต้องรอให้มีคำพิพากษาของศาลไทยในคดีอาญาก่อน และคำพิพากษาของศาลไทยในคดีอาญาเกี่ยวกับข้อเท็จจริงว่าจำเลยได้ร่วมกันกระทำการโกงเจ้าหนี้หรือไม่นั้น จะผูกพันศาลไทยในคดีแพ่งให้ต้องรับฟังเป็นอย่างเดียวกันด้วย จะชี้ขาดข้อเท็จจริงเป็นอย่างอื่นไม่ได้
ในการตัดสินให้ผมและจำเลยคนอื่น ๆ ร่วมกันรับผิดนั้น นาย Calver ได้เขียนข้อความกล่าวหาผม และจำเลยคนอื่น ๆ ด้วยถ้อยคำรุนแรงไว้ในคำพิพากษา (ซึ่งนักกฎหมายทั้งหลายที่ได้อ่านต่างเห็นว่าผิดวิสัยที่ผู้พิพากษาจะกระทำเช่นนี้ และก็อดไม่ได้ที่จะตั้งข้อสงสัยในทางลบเกี่ยวกับพฤติการณ์ของนาย Calver) แม้ว่าคำพิพากษาของนาย Calver จะใช้บังคับในประเทศไทยไม่ได้ดังที่ได้กล่าวแล้ว แต่เมื่อมีการนำมาเผยแพร่ในประเทศไทยผ่านสื่อบางสำนักที่มีการจ้างวานกันไว้ตามที่นายนพพรให้การยอมรับไว้ในคดี ก็จะทำให้ผมและจำเลยคนอื่น ๆ ต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงอย่างรุนแรง เพราะคนไทยโดยทั่วไปย่อมจะมีความเชื่อถือว่าระบบการพิจารณาคดี รวมถึงผู้พิพากษาอังกฤษ (นาย Calver) ที่ทำหน้าที่ตัดสินคดีนี้ คงได้ทำหน้าที่ด้วยความบริสุทธิ์และเที่ยงธรรม
ผมจึงต้องการที่จะให้ข้อเท็จจริงในเชิงลึกเกี่ยวกับคำพิพากษาที่ตัดสินและเขียนโดยผู้พิพากษาอังกฤษ คือ นาย Calver คนนี้ไว้ เพื่อให้ข้อมูลในอีกด้านหนึ่ง ซึ่งไม่เคยมีใครทำมาก่อน คือ การนำคำพิพากษาของผู้พิพากษาอังกฤษมาชี้แจงอย่างเปิดเผยตรงไปตรงมา ตามความเป็นจริง และตามหลักกฎหมาย ที่ทำได้เช่นนี้เพราะผมไม่ใช่คนอังกฤษที่จะถูกกฎหมายปิดปากไม่ให้พูดในสิ่งที่ผมรู้ผมเห็น หรือวิพากษ์วิจารณ์ผู้พิพากษาอังกฤษที่ตัดสินคดี
ผมไม่มีเจตนาใส่ความหรือต้องการทำให้นาย Calver เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง ผมมีเจตนาเพียงเพื่อนำความจริงมาชี้แจงให้เห็นถึงประสบการณ์เลวร้ายอย่างไม่น่าเป็นไปได้ที่เกิดขึ้นกับผมและจำเลยคนไทยคนอื่นๆ เพื่อให้ผู้ที่สนใจได้ใช้วิจารณญาณวิเคราะห์ตามทำนองคลองธรรม และเพื่อให้เป็นอุทาหรณ์สำหรับประชาชนคนไทยและธุรกิจของคนไทยโดยทั่วไปที่ไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับคนสัญชาติอังกฤษ ให้เฝ้าระวังตัวไม่ให้ตกเป็นเหยื่อโดยวิธีการเช่นเดียวกันนี้ และผมยังมุ่งหวังให้การให้ข้อมูลของผมนี้เป็นประโยชน์ในเชิงวิชาการนิติศาสตร์และการใช้อำนาจตุลาการด้วย โดยผมจะใช้วิธีการชี้แจงแบบถาม-ตอบ (Q&A) ซึ่งคำถามตอบและคำตอบจะอยู่ในประเด็นที่เกี่ยวกับหัวข้อต่อไปนี้ คือ
Q&A (1): ผู้พิพากษาอังกฤษโกหก-เท็จหรือไม่?
Q&A (2): ผู้พิพากษาอังกฤษตัดสินผิดหลักกฎหมายไทยหรือไม่?
Q&A (3): ผู้พิพากษาอังกฤษอยู่ในกระบวนการละเมิดอำนาจอธิปไตยของไทยหรือไม่?
Wish you wonderful ways
วีระวงค์ จิตต์มิตรภาพ