ระหว่างวันที่ 17-19 พฤศจิกายนนี้ หอการค้าไทยจะมีการจัดสัมมนาหอการค้าจังหวัดทั่วประเทศครั้งที่ 41 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค กรุงเทพฯ โดยจะมีผู้นำองค์กรภาครัฐ และเอกชนทั่วประเทศเข้าร่วม ประกอบด้วย คณะกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย หอการค้าจังหวัดทั่วประเทศ กลุ่มผู้ประกอบการรุ่นใหม่ ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้บริหารจากกระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านเศรษฐกิจเข้าร่วมมากกว่า 1,500 คน
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประทศไทย เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า งานสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศเป็นเวทีที่ระดมเครือข่ายภาคเอกชนจากทั่วประเทศมากที่สุดงานหนึ่ง จัดขึ้นต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี สำหรับ ธีม (Theme) หรือแนวคิดหลักการจัดงานในปีนี้ ภายใต้แนวคิด Connect-Competitive-Sustainable โดย Connect คือ การเชื่อมโยงความร่วมมือเครือข่ายทั้งในและต่างประเทศ Competitive การยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในทุกมิติ และ Sustainable พัฒนาเติบโตอย่างยั่งยืน สร้างอนาคตที่เต็มไปด้วยโอกาสเพื่อส่งต่อให้คนรุ่นใหม่
ไฮไลท์ของงานสัมมนาในครั้งนี้ เวทีหลัก จะมีการฉายภาพทิศทางอนาคตเศรษฐกิจไทย โดยผู้บริหารภาครัฐและเอกชน อาทิ นายสนั่น อังอุบลกุล จะกล่าวสุนทรพจน์เปิดการสัมมนาและพูดถึงทิศทางแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในมุมมองภาคเอกชน, นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ปาฐกถาพิเศษเรื่อง “พาณิชย์ยุคใหม่ การค้าไทยเชื่อมโลก, นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ปาฐกถาพิเศษเรื่อง “การส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพคนทุกช่วงวัย และคนทุกกลุ่ม เพื่อการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน” รวมถึงนายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโส เครือเจริญโภคภัณฑ์ จะขึ้นเวทีปาฐกถาพิเศษในโอกาสครบรอบ 90 ปี ของหอการค้าไทยด้วย
นอกจากนี้จะมีการสัมมนากลุ่มย่อยเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและสร้างแรงบันดาลใจในการปรับรูปแบบการดำเนินธุรกิจในบริบทใหม่ที่ท้าทาย กลุ่มที่ 1 เรื่อง Connect The Dots for Competitiveness จะมีการพูดคุยถึง 2 ประเด็นหลัก คือ 1.การนำเอกลักษณ์และอัตลักษณ์ของไทยที่มีจุดแข็งเดิมอยู่แล้วผ่านแนวทางการขับเคลื่อนซอฟต์พาวเวอร์ เพื่อยกระดับสินค้าและบริการของไทย ให้เกิดการสร้างมูลค่าเพิ่ม 2.การนำเอา Digital Transformation มาใช้เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคธุรกิจ
กลุ่มที่ 2 เรื่อง Connect The Dots for Sustainability จะมีการพูดคุยและแลกเปลี่ยนแนวทางการขับเคลื่อนธุรกิจด้วยแนวทาง SDGs เน้นการเติบโตขององค์กรควบคู่ไปกับการรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม นอกจากนี้จะมีการแลกเปลี่ยนความเห็นถึงแนวทางการพัฒนาคนในแต่ละองค์กร ซึ่งจำเป็นที่จะต้องมีการ Up & Reskill ทักษะใหม่ๆ เพื่อให้ประเทศไทยสามารถแข่งขันได้ในเวทีโลก
“การสัมมนาทั้ง 2 กลุ่มย่อย จะเป็นเวทีสำหรับภาคธุรกิจทั่วประเทศในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและสร้างแรงบันดาลใจในการปรับรูปแบบการดำเนินธุรกิจในบริบทใหม่ที่ท้าทาย โดยหวังว่าผู้เข้าร่วมงานจะได้รับฟังวิสัยทัศน์ และกลยุทธ์จากนักธุรกิจแนวหน้าของประเทศ ที่จะช่วยสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันและนำพาธุรกิจไปสู่ความยั่งยืน เพื่อนำไปปรับใช้ในการบริหารธุรกิจท่ามกลางเทรนด์ของธุรกิจโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว”
นายสนั่น กล่าวอีกว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้ตอบยืนยันที่จะเข้าร่วมงานและกล่าวปาฐกถาพิเศษ และรับมอบสมุดปกขาว (ข้อเสนอหอการค้าทั่วประเทศประจำปี) ในวันที่ 19 พ.ย. ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ให้ความสำคัญที่จะมาร่วมงานในครั้งนี้มาก โดยวันดังกล่าวทราบว่านายกรัฐมนตรีเพิ่งเดินทางกลับถึงไทยจากการเดินทางไปเข้าร่วมประชุม APEC ที่สหรัฐอเมริกา
อย่างไรก็ดีหอการค้าฯ มองว่าที่ผ่านมาประเทศไทยพึ่งพาภาคการส่งออก และภาคการท่องเที่ยว เป็นเครื่องยนต์หลักในการผลักดันเศรษฐกิจให้เติบโต แต่ยังไม่สามารถที่จะทำให้ GDP ของไทยขยายตัวได้เกินกว่า 5% ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา การนำเสนอสมุดปกขาวในครั้งนี้ จึงเป็นความมุ่งหวังที่หอการค้าไทยและเครือข่ายทั่วประเทศ จะได้นำเสนอแนวทางใหม่ ๆ ต่อรัฐบาลเพื่อพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทย ผ่านข้อเสนอภาคเอกชน 3 ส่วนสำคัญ ประกอบด้วย
1) ข้อเสนอหอการค้าไทยต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยทั้งในระยะสั้น กลาง และยาว ผ่านแนวทาง Connect Competitive และ Sustainable 2) ข้อเสนอยุทธศาสตร์เศรษฐกิจของหอการค้าภาค 5 ภาค ที่ได้รวบรวมประเด็นเชิงพื้นที่จากหอการค้าจังหวัดและภาคเอกชนทั่วประเทศ และ 3) ข้อเสนอเพื่อการเปลี่ยนผ่านเศรษฐกิจไทยในปัจจุบัน (Transform) ไปสู่การแสวงหาโอกาสและรูปแบบขับเคลื่อนเศรษฐกิจสมัยใหม่ในอนาคต
“การนำเสนอสมุดปกขาวในครั้งนี้ เอกชนมุ่งหวังให้รัฐบาลได้พิจารณาแนวทางและข้อเสนอ เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนให้ประเทศไทยสามารถแข่งขันได้ท่ามกลางวิกฤตและความท้าทายรูปแบบใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้อย่างมั่นคง”
ประธานกรรมการหอการค้าไทยให้ กล่าวด้วยว่า วันนี้เห็นชัดแล้วว่าการท่องเที่ยว และการส่งออก ซึ่งเป็นเครื่องยนต์หลักขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยมีความไม่แน่นอนสูง และหลายปีที่ผ่านมา GDP ไทยยังไม่สามารถเติบโตได้ถึง 5% ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านต่างเร่งเครื่องส่งเสริมการลงทุน ดังนั้น 3 เรื่องหลักที่หอการค้าฯ อยากให้รัฐบาลเร่งดำเนินการในขณะนี้ คือ
1.เร่งแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือน ที่ปัจจุบันอยู่ในระดับสูง ขณะเดียวกันจำเป็นที่จะต้องบูรณาการการทำงานกับสถาบันทางการเงินในการปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ เพื่อช่วยให้ธุรกิจ SME ขนาดเล็กให้สามารถดำเนินธุรกิจและจ้างงานต่อไปได้ 2.เร่งเดินหน้าจัดทำความตกลงการค้าเสรี (FTA) กับประเทศต่าง ๆให้มากและเร็วที่สุด เพื่อขยายโอกาสส่งออก รวมถึงขยายตลาดใหม่ที่มีศักยภาพ เป็น Strategic Country ได้แก่ จีน ซาอุดีอาระเบีย เวียดนาม อินเดีย และรักษานักลงทุนเดิมอย่างญี่ปุ่น และสหรัฐฯ
3.เร่งดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติในธุรกิจสมัยใหม่ เพื่อให้ไทยก้าวข้ามประเทศผู้ผลิตสินค้าทั่วไป สู่ประเทศที่สามารถผลิตและเป็นเจ้าของเทคโนโลยีสมัยใหม่ ซึ่งต้องอาศัยการเรียนรู้ และการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากบริษัทต่างชาติ ซึ่งส่วนนี้รัฐบาลต้องให้ความสำคัญกับการดึงดูด Talent ต่างชาติที่มีความสามารถพิเศษเข้ามาทำงานในไทย จากปัจจุบันแรงงานไทยที่มีทักษะในระดับสูงยังมีจำนวนน้อย หากรัฐบาลสามารถอำนวยความสะดวกเรื่องวีซ่าพำนักระยะยาว (LTR) และมีมาตรการที่เกี่ยวข้องกับภาคอสังหาริมทรัพย์ที่เอื้อให้สามารถพำนักในระยะยาวได้ จะช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจไทยให้เติบโตได้มากขึ้นอีกทางหนึ่ง
หน้า 1 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3940 วันที่ 16 – 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566