เมื่อเร็วๆ นี้ นายสมนึก พรหมเขียว ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เป็นประธานการประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเตรียมการต้อนรับการเยือนด่านศุลกากรสะเดา ของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีไทย กับนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ปลายเดือนพฤศจิกายน นี้
นายเผดิมเดช มั่งคั่ง นายด่านศุลกากรสะเดา กล่าวว่า โครงการด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่ ตั้งอยู่บนเนื้อที่ 596 ไร่ ประกอบด้วย อาคารตรวจผู้โดยสาร อาคารตรวจสินค้า ภายในอาคารผู้โดยสารมีช่องตรวจคนฝั่งละ 14 ช่อง (ขาเข้า 14 ช่อง ขาออก 14 ช่อง) ในขณะที่รถยนต์ส่วนบุคคลจะมีข้างละ 11 ช่อง ส่วนระบบการตรวจปล่อยสินค้าที่อาคารตรวจปล่อยสินค้าก็มีการเพิ่มศักยภาพด้วยการนำใช้เครื่องเอกซ์เรย์แบบขับผ่าน (Fast Scan) ทำให้การตรวจปล่อยรวดเร็วขึ้น
นายด่านศุลกากรสะเดา กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังมีการติดตั้งระบบช่วยในเรื่องของการตรวจปล่อยสินค้า ก็คือมีเครื่องชั่งไว้ที่ประตูทางเข้าจำนวน 2 เครื่อง ที่จะใช้ในการตรวจปล่อยสินค้าเกษตร ซึ่งเป็นสินค้าที่มีมูลค่าการส่งออกสูงสุด จะเป็นประตูที่มีกล้องสำหรับการอ่านป้ายทะเบียน อ่านเลขตู้คอนเทนเนอร์แล้วส่งเข้าระบบได้ทันที
ขณะนี้การเปิดใช้ด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่ที่สร้างแล้วเสร็จมาตั้งแต่ปี 2562 ตอนนี้ยังติดปัญหาเรื่องถนนที่จะพารถสินค้าเข้ามาถึงด่านฯสะเดาแห่งใหม่ได้จำนวน 3 เส้นทาง
เส้นทางที่ 1 คือการก่อสร้างถนนเชื่อมด่านฯสะเดาแห่งใหม่ ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ช่วง ช่วงแรกจะเป็นถนนที่มาจากทางหลวงหมายเลข 4 ตัดเข้ามาตรงแยกพรุเตียวเข้ามาเชื่อมกับด่านฯสะเดาแห่งใหม่ มีการก่อสร้างใน 2 สัญญาด้วยกัน ซึ่งสัญญาที่ 1 ระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตรนั้นมีการดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จเรียบร้อยแล้ว สัญญาที่ 2 คาดว่าจะแล้วเสร็จเดือนมีนาคม ปี 2567
ส่วนเส้นทางที่ 2 เดิมทางจังหวัดได้ผลักดันให้มีการก่อสร้างถนนจากบริเวณหน้านิคมอุตสาหกรรมสงขลาตัดเข้ามาทางคู่ขนานมอเตอร์เวย์เส้นทางที่ 1 ระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร มอบหมายให้ทางกรมโยธาธิการและผังเมืองเป็นคนดำเนินการแล้ว แต่ทางสำนักงบประมาณแจ้งว่าไม่ใช่ภารกิจของกรมโยธาธิการและผังเมือง ทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดจึงรับเป็นเจ้าภาพดำเนินการ ถนนเส้นนี้จะช่วยในการระบายรถ และเสริมการเดินทางในเขตเมืองด่านนอก
นายวรพันธุ์ ศรีวรนารถ รองอธิบดีกรมเอเชียตะวันออก กระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่าสืบเนื่องจากนายกรัฐมนตรี เยือนประเทศมาเลเซียอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 11-12 ตุลาคม 2566 ประเด็นหลักที่ได้หารือกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย คือเพิ่มความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจระหว่างกัน ด้านการค้าชายแดน และการท่องเที่ยว โดยเฉพาะด่านฯสะเดา ซึ่งเป็นประตูที่ใหญ่ที่สุดระหว่างไทยกับมาเลเซีย ที่มีปริมาณการค้าสูงและการเดินทางผ่านแดนมากที่สุด ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการประสานงานเรื่องเวลาและรายละเอียด
สำหรับเส้นทางที่กระทรวงการต่างประเทศ เดินทางมาดูพื้นที่ คือถนนเชื่อมด่านสะเดาแห่งใหม่ -บูกิตกายูฮิตัม มีการประชุมคณะผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิค ร่วมไทย-มาเลเซีย เมื่อเดือนพฤษภาคม ที่ผ่านมา โดยมีข้อตกลงในจุดเชื่อมถนนหลักเขตที่ BP23/9-23/10 เป็นถนน 6 ช่องจราจรพร้อมทางเท้า ขณะนี้เริ่มก่อสร้างถนนระยะที่ 1 จากบริเวณหน้าประตูด่านฯสะเดาแห่งใหม่ระยะทาง 500 เมตร คาดว่าจะแล้วเสร็จเดือนกันยายน 2567โดยปลายปีนี้ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) จะหารือรายละเอียดระยะที่ 2 อีก 350 เมตรที่จะเชื่อมกับมาเลเซีย
นายไพเจน มากสุวรรณ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา กล่าวว่า ทาง อบจ.สงขลาได้รับมอบภารกิจให้ดำเนินก่อสร้างถนน 2 เส้นทาง คือ เส้นทางแรก ถนนเชื่อมด่านศุลกากรสะเดาใหม่-บูกิตกายูฮิตัม รวมระยะทาง 850 เมตร ใช้งบประมาณก่อสร้าง 100 ล้านบาท ออกแบบเสร็จเรียบร้อยแล้ว การก่อสร้างได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จำนวน 76 ล้านบาท
ส่วนการประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ 63 ล้านบาท ระยะทาง 500 เมตร ตอนนี้ได้ผู้รับจ้างและเข้าดำเนินการ คาดว่าการก่อสร้างจะแล้วเสร็จตามสัญญาเดือนกันยายน 2567 ส่วนระยะทางที่เหลืออีก 350 เมตรที่จะไปเชื่อมกับบูกิตกายูฮิตัม ยังขาดงบประมาณก่อสร้าง รอการประชุมคณะผู้เชี่ยวชาญด้าน ตกลงกันอีกครั้ง ถ้าไม่มีปัญหาเรื่องแก้ไขแบบ จะขอสนับสนุนงบประมาณอีก 36-40 ล้านบาท เพื่อจะก่อสร้างในระยะที่ 2 อีก 350 เมตร ขนาด 6 ช่องจราจร พร้อมไหล่ทาง
เส้นทางที่ 2 ถนนจากบริเวณหน้านิคมอุตสาหกรรมสงขลาเชื่อมด่านฯสะเดาแห่งใหม่ ได้รับมอบจากกรมโยธาธิการและผังเมืองระยะ 2 กิโลเมตร ออกแบบเสร็จเรียบร้อยแล้ว ถนนเส้นนี้จะเชื่อมระหว่างถนนกาญจนวนิชกับมอเตอร์เวย์ และด่านฯสะเดาแห่งใหม่ ได้รับงบประมาณจากรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จำนวน 18 ล้านบาท สำหรับจ่ายค่าเวนคืนที่ดิน
จึงอยากให้รัฐบาลสนับสนุนงบประมาณเพื่อดำเนินการก่อสร้าง เนื่องจากมีการจ่ายค่าเวนคืนเสร็จแล้ว โดยจะใช้งบประมาณในการก่อสร้างประมาณ 100 กว่าล้านบาท เป็นถนน 6 ช่องจราจร ถ้ามีงบประมาณสนับสนุน จะดำเนินการได้ทันที เนื่องจากออกแบบแล้ว
น.อ.จักรพงษ์ อภิมหาธรรม ผู้อำนวยการกองส่งเสริมและสนับสนุนงานพัฒนาฝ่ายพลเรือน (กสพ.) ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) กล่าวว่า ประเด็นสำคัญสำหรับโครงการถนนเชื่อมด่านฯสะเดาแห่งใหม่-บูกิตกายูฮิตัม คือกรอบเวลา เนื่องจากฝ่ายไทยสร้างด่านฯสะเดาแห่งใหม่เสร็จ 2 ปีแล้ว แต่กรอบการสร้างถนน 850 เมตรไปเชื่อมกับมาเลเซียที่ชายแดน คาดว่าจะเสร็จในปี 2568
เมื่อกรอบเวลาไม่ตรงกัน คณะผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิค ร่วมไทย-มาเลเซีย พยายามคุยกับทางประเทศมาเลเซีย ล่าสุดมาเลเซียได้ขยับกรอบเวลาในการสำรวจและออกแบบให้แล้วเสร็จ พร้อมส่งแบบละเอียดของการก่อสร้างถนนฝั่งประเทศมาเลเซียที่จะมาเชื่อมกับไทยภายในเดือนพฤศจิกายน ปีนี้
“มาเลเซีย กำหนดกรอบเวลาการก่อสร้างไม่น้อยกว่า 2 ปี ใช้งบประมาณ 1,000 ล้านบาท ซึ่งมากว่าของไทย อยู่ที่ประมาณ 250 ล้านบาท ดังนั้นถ้ามาเลเซียสร้างเสร็จในปี 2569 จะสามารถเชื่อมต่อกับไทยได้ในปี 2569 จึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งที่ผู้นำทั้ง 2 ประเทศจะมาเจอกันที่ด่านฯสะเดา” น.อ.จักรพงษ์ กล่าว