นายไพเจน มากสุวรรณ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา เปิดเผย“ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ได้ลงพื้นที่ด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่ อ.สะเดา จ.สงขลา เพื่อตรวจติดตามความคืบหน้าโครงการก่อสร้างถนน เพื่อรองรับการพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา หรือถนนเชื่อมด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่ กับด่านบูกิตกายูฮิตัม ของประเทศมาเลเซีย
ขณะนี้การออกแบบเสร็จเรียบร้อย ตั้งคณะกรรมการทำราคากลางและร่างขอบเขตงาน (TOR) แล้ว คาดว่าเดือนมิ.ย พ.ศ.2566 จะสามารถประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-Bidding) และประมาณปลายเดือนก.ค.ผู้รับเหมาสามารถเข้าทำงานได้ โดยใช้งบประมาณ 76 ล้านบาท ก่อสร้างถนนระยะทาง 200 เมตร จากทั้งสิ้น 887.423 เมตร
“ตอนแรกจะของบกลางแต่ไม่ทัน พอดีรัฐบาลจัดสรรงบมาได้ 76 ล้านบาท จากทั้งสิ้น 212.1785 ล้านบาท จึงทำได้แค่ส่วนหนึ่งก่อน ส่วนที่เหลือจะขอเพิ่มในปีงบ 2566-67 มาทำต่อให้เสร็จ เพื่อให้เปิดใช้ด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่ ที่สร้างเสร็จมานานหลายปี แต่ไม่สามารถเปิดใช้เพราะไม่มีถนนเชื่อม”
นายไพเจนกล่าวอีกว่า ถือเป็นกรณีศึกษาและเป็นบทเรียนสำคัญสำหรับโครงการก่อสร้าง ถ้าจะสร้างด่านต้องตั้งงบสร้างถนนไปด้วยให้จบในคราวเดียว โดยออกแบบสร้างเฉพาะด่านศุลกากรและถนนภายในขอบเขตของด่าน พ้นจากเขตด่านไม่ได้คิดถึงถนนที่จะเชื่อมเข้ามาทำให้มีปัญหา เพราะไม่ใช่พื้นที่ทางหลวง ทางหลวงชนบท หรือกรมโยธาฯ สุดท้ายไม่มีเจ้าภาพจนค้างเติ่ง
กระทั่งนายนิพนธ์ บุญญามณี อดีตรัฐมนตรีช่วยมหาดไทย อยากให้ด่านแห่งใหม่ได้ใช้ประโยชน์ไม่ใช่สร้าง แล้วไม่ได้ใช้งาน จึงมอบหมายให้อบจ.สงขลาเป็นเจ้าภาพดำเนินการ
“เมื่อ 12 พ.ค.2566 นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เป็นประธานมอบเงินทดแทนต้นไม้และพืชผล ค่ารื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง และค่าขนย้าย (ที่ดิน) ให้กับราษฎรผู้ได้รับผลกระทบ จากโครงการก่อสร้างถนนเชื่อมต่อทางหลวงหมายเลข 4 กับทางหลวงสายพรุเตียว-ด่านสะเดาแห่งที่ 2 จำนวน 6 ราย เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 18,297,635.50 บาทแล้ว”
ด้านนายราวี บุญสอน ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงสงขลาที่ 2 (นาหม่อม) เผยถึงความคืบหน้าการก่อสร้างทางสาย แยกทางหลวงหมายเลข 4-ด่านศุลกากรสะเดาแห่งที่ 2 (สาย 4369) ระยะทางประมาณ 4.100 กิโลเมตรว่า โครงการดังกล่าวแบ่งการก่อสร้างออกเป็น 2 ตอนด้วยกัน ซึ่งตอนที่ 1 ขณะนี้การก่อสร้างมีความคืบหน้าไปประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ ส่วนตอนที่ 2 ขณะนี้การก่อสร้างมีความคืบหน้าประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์
“การก่อสร้างโครงการคาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณปีหน้า (พ.ศ.2567) ซึ่งถนนดังกล่าวจะไปเชื่อมกับด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่ ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง”
สำหรับการก่อสร้างทางสายนี้ ยอมรับว่าล่าช้ากว่าที่ได้กำหนด อันเกิดจากผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมา คนงานก็ไม่มี การเดินทางลำบาก หรือได้รับการยกเว้นค่าปรับ
ในขณะที่นายเดิมเดช มั่งคั่ง นายด่านศุลกากรสะเดา กล่าวว่า
การดำเนินการติดตั้งเครื่องเอกซเรย์ตู้คอนเทนเนอร์สินค้า ของด่านศุลกากรสะเดา แห่งที่ 2 มีความคืบหน้าไปแยะแล้ว โดยคณะกรรมการตรวจรับ ไปตรวจดูเครื่องเอกซเรย์ที่โรงงานใน ประเทศจีนพอตรวจรับเสร็จก็จะนำมาประกอบในพื้นที่ ส่วนในพื้นที่ได้ดำเนินการส่วนที่เป็นโครงสร้าง ผนังกันรังสีต่างๆ เสร็จเรียบร้อยแล้ว
โครงการเครื่องชั่งนํ้าหนักนั้น ตอนนี้ก็ทำฐานรากเสร็จแล้ว และมีการติดตั้งระบบไม้กั้น ระบบไฟสัญญาณต่างๆ ก็อยู่ระหว่างการดำเนินการอยู่ ซึ่งทั้งหมดคาดว่าประมาณไม่เกินเดือนก.ค. พ.ศ.2566 น่าจะแล้วเสร็จ
“เมื่อก่อสร้างทางสายแยกทางหลวง หมายเลข 4-ด่านศุลกากรสะเดา แห่งที่ 2 ที่คาดจะแล้วเสร็จในปี พ.ศ.2567 จะช่วยลดความแออัดถนนกาญจนวนิชเดิม จากที่ต้องผ่านเข้าเขตเมือง จะให้รถบรรทุกสินค้าใช้เส้นทางดังกล่าว เข้าไปผ่านการตรวจที่ด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่ได้ทันที แล้วไปออกตรงด่านฯเดิม”
หน้า 2 หนังสิอพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 43 ฉบับที่ 3,889 วันที่ 21-24 พฤษภาคม พ.ศ.2566