วันนี้ (20 พฤศจิกายน 2566) นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยขณะนี้ กำลังอยู่ในทิศทางของการฟื้นตัวต่อเนื่อง แม้ไตรมาสที่ 3 ปี 2566 จะขยายตัวได้ 1.5% แต่ในไตรมาสที่ 4 คาดว่าจะดีขึ้น ทำให้ทั้งปี สศช. ประเมินเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ 2.5% ส่วนในปี 2567 คาดว่าจะขยายตัวต่อเนื่องในระดับ 3.2% ซึ่งตัวเลขนี้ยังไม่ได้รวมนโยบายเติมเงินดิจิทัล 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ของรัฐบาล
“ตัวเลขเศรษฐกิจปีหน้า สศช. ยังไม่ได้คำนวณเรื่องนโยบายเติมเงินดิจิทัล 10,000 บาท ไว้ เพราะต้องดูก่อนว่าสุดท้ายแล้วจะใช้วงเงินประมาณเท่าไหร่ และต้องรอคณะกรรมการกฤษฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมาย รวมทั้งยังต้องรอความชัดเจนเรื่องอื่น ๆ ทั้งรูปแบบการใช้จ่าย และร้านค้า ประกอบด้วย ส่วนในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ สศช. มองเห็นโมเมนตั้มการส่งออกปรับตัวดีขึ้น และจะส่งผลไปถึงภาคผลิตอุตสาหกรรมปรับตัวดีขึ้นตามมา ทำให้เศรษฐกิจไทยยังคงเติบโตได้ดี” นายดนุชา กล่าว
นายดนุชา ระบุว่า ในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว สิ่งที่จะทำให้เศรษฐกิจขยายตัวได้ดี และขยายตัวต่อเนื่องในระยะยาวคือ การปรับโครงสร้างการผลิตภาคอุตสาหกรรมและภาคการเกษตร รวมทั้งการเร่งผลักดันการท่องเที่ยว การผลักดันการส่งออก ผ่านการขยายการเจรจาการค้าภายใต้กรอบเอฟทีเอมากขึ้น เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และสนับสนุนภาคการส่งออกให้ปรับตัวดีขึ้น ถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
ผู้สื่อข่าวถามว่า ณ ปัจจุบันการดำเนินนโยบายเงินดิจิทัลยังมีความจำเป็นอยู่หรือไม่ เลขาฯ สศช. ย้ำว่า การจะทำให้เศรษฐกิจไทยขยายตัว สามารถทำได้หลายมาตรการประกอบกัน แต่ตัวหลัก ๆ เห็นว่าการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจสำคัญที่สุด เพื่อให้การส่งออก และการขยายการลงทุน เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้ขยายตัวดีขึ้นในอนาคต
“ถ้าเราดูตัวเลขเศรษฐกิจไทยในช่วงที่ผ่านมา จะเห็นว่าตั้งแต่หลังโควิดเราประสบความผันผวน และความเสี่ยงจากภายนอกมาตลอด แต่เมื่อโควิดคลี่คลายก็มีเรื่องเงินเฟ้อ และเศรษฐกิจโลกชะลอตัวเร็วกว่าที่คาด ส่งผลต่อส่งออก แต่เศรษฐกิจภายในยังขยายตัวได้ดี ทั้งบริโภค และภาคอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว ดังนั้น โดยรวมแล้วเศรษฐกิจไทยยังคงขยายตัวได้ เพียงแต่ว่าถ้าเราจะทำให้เศรษฐกิจขยายตัวดีกกว่านี้ก็ต้องปรับโครงสร้างใหม่” เลขาฯ สศช. ย้ำ
สำหรับเศรษฐกิจไทย ในปี 2567 สศช. ประเมินแนวโน้มว่า จะขยายตัวในช่วง 2.7 – 3.7% หรือประมาณ 3.2% โดยมีปัจจัยสนับสนุนสำคัญจาก
ทั้งนี้ คาดว่าการอุปโภคบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน จะขยายตัว 3.2% และ 2.8% ตามลำดับ มูลค่าการส่งออกสินค้าในรูปดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 3.8% สำหรับอัตราเงินเฟ้อทั่วไปคาดว่าจะเฉลี่ยอยู่ในช่วง 1.7 – 2.7% และดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล 1.5% ของ GDP
สำหรับรายละเอียดของการประมาณการเศรษฐกิจในปี 2567 ในด้านต่าง ๆ มีดังนี้
1. การใช้จ่ายเพื่อการอุปโภคบริโภค ประกอบด้วย
2. การลงทุนรวม คาดว่าจะขยายตัว 1.6% ต่อเนื่องจากการขยายตัว 1.3% ในปี 2566 ประกอบด้วย
3. มูลค่าการส่งออกสินค้าในรูปเงินดอลลาร์สหรัฐ คาดว่าจะกลับมาขยายตัว 3.8% เทียบกับการลดลง 2.0% ในปี 2566 โดยคาดว่าปริมาณการส่งออกจะเพิ่มขึ้น 3.3% เทียบกับการลดลง 3.1% ในปี 2566 และราคาส่งออกจะเพิ่มขึ้น 0.0 - 1.0% เทียบกับ 1.1% ในปี 2566 เมื่อรวมกับการส่งออกบริการคาดว่าปริมาณการส่งออกสินค้าและบริการ ในปี 2567 จะขยายตัว 6.2% เพิ่มขึ้นจาก 2.9% ในปี 2566