นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่พร้อมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตรวจเยี่ยมศูนย์ควบคุมการเดินรถ และเข้าร่วมทดสอบการเดินรถเสมือนจริง (Trial Run) โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย – มีนบุรี ว่า รถไฟฟ้าเป็นโครงสร้างพื้นฐาน รู้สึกดีใจที่วันนี้เปิดให้ใช้งานแล้วอย่างเป็นทางการ ถือเป็นเรื่องที่ดีของประเทศไทยที่มีโครงสร้างพื้นฐานที่ให้ความสะดวกสบายกับที่นำประชาชน นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาแล้ว ได้รับอานิสงส์ด้วยการที่จะเดินดึงดูดนักลงทุนจากต่างชาติที่จะมาสร้างสำนักงานใหญ่ เข้ามาภายในที่ไทยการเดินทางโดยรถไฟฟ้าก็ถือว่าเป็นเรื่องปัจจัยสำคัญ
“ส่วนกรณีที่โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูจะมีการเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์และเก็บค่าโดยสารประชาชนในวันที่ 18 ธันวาคมนั้น เบื้องต้นจะมีการพูดคุยอีกครั้งเพื่อพิจารณาให้ประชาชนทดลองใช้บริการจนถึงช่วงเทศกาลปีใหม่เพื่อเป็นของขวัญให้แก่ประชาชน”
ขณะเดียวกันโครงการมีความคืบหน้าเกือบ 100% และมีความพร้อมที่จะเปิดให้ประชาชนได้ทดลองใช้บริการกันแล้ว ซึ่งรัฐบาลมองว่า เป็นโอกาสดีที่อยากเชิญชวนให้ประชาชนในแนวสายทาง หรือผู้ที่สัญจรผ่านแนวถนนติวานนท์ ถนนแจ้งวัฒนะ และถนนรามอินทรา ไปจนถึงเขตมีนบุรี ได้ลองมาศึกษาแนวเส้นทางและรูปแบบการให้บริการของรถไฟฟ้าสายสีชมพู ผ่านประสบการณ์ตรงในการทดลองใช้บริการ ได้ทดลองปรับพฤติกรรมในการเดินทาง ลดการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล เปลี่ยนมาใช้ระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนที่สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพิ่มมากขึ้น
นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บริษัท นอร์ทเทิร์น บางกอกโมโนเรล จำกัด (NBM) กล่าวว่า ที่ผ่านมาการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูที่มีปัญหา ทำให้โครงการมีความล่าช้าออกไปประมาณ 2 ปี แต่ปัจจุบันสามารถเปิดให้บริการได้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งวันนี้เป็นวันแรกที่จะมีการเปิดให้ประชาชนใช้บริการ
“การเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์หรือเก็บค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีชมพูในวันที่ 18 ธันวาคมนี้ จะต้องนำเรื่องเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติก่อน เชื่อว่าในการประชุมครม.ครั้งหน้า จะให้ความเห็นด้วยในการจัดเก็บค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายดังกล่าว”
นายคีรี กล่าวต่อว่า ขณะที่นโยบายรถไฟฟ้าสูงสุด 20 บาทตลอดสายของรัฐบาลนั้น สามารถทำได้ละพร้อมสนับสนุนเต็มที่ ปัจจุบันยังไม่ได้มีการหารือ แต่ยอมรับว่านโยบายดังกล่าวเป็นนโยบายที่ดีทำเพื่อประชาชนสามารถเก็บค่าโดยสารในราคาถูก ซึ่งภาครัฐจะต้องหาแนวทางสนับสนุนด้วยวิธีใดเพื่อช่วยเหลือเอกชน ซึ่งจะต้องใช้ระยะเวลา เพราะเรื่องนี้มีความละเอียดอ่อนมาก
ทั้งนี้ตลอดการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงสถานีมีนบุรี (PK30) ถึง สถานีวัดพระศรีมหาธาตุ (PK16) เป็นไปอย่างราบรื่น และในวันเดียวกันนี้ ตั้งแต่เวลา 15.00 น. เป็นต้นไป ขบวนรถไฟฟ้าสายสีชมพูได้เปิดให้ประชาชนทดลองใช้บริการ โดยไม่มีการเรียกเก็บค่าโดยสาร ได้ตลอดเส้นทางครบทั้ง 30 สถานี และตั้งแต่วันที่ 22 พฤศจิกายน 2566 จะเปิดให้ทดลองใช้บริการได้ระหว่างเวลา 06.00 – 20.00 น. ทุกวันต่อเนื่องไป จนกว่ารถไฟฟ้ามหานคร สายสีชมพู จะมีความพร้อมในการขยายระยะเวลาทดลองให้บริการเพิ่มขึ้นตามลำดับ
สำหรับรถไฟฟ้าสายสีชมพู นับเป็นรถไฟฟ้ารางเดี่ยว (Monorail) สายที่สองของประเทศไทย ต่อจากรถไฟฟ้ามหานคร สายสีเหลือง (MRT สายสีเหลือง) ที่ได้เปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบเชิงพาณิชย์ไปแล้วเมื่อต้นเดือนกรกฎาคม 2566 ที่ผ่านมา ซึ่งมีจุดเด่นในการทำหน้าที่เป็นระบบขนส่งมวลชนระบบรอง (Feeder Line) เช่นเดียวกัน เพราะมีสถานีที่เป็นจุดเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายหลักมากถึง 5 สถานี ได้แก่ สถานีศูนย์ราชการนนทบุรี เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้ามหานคร สายฉลองรัชธรรม (MRT สายสีม่วง), สถานีหลักสี่ เชื่อมต่อกับรถไฟชานเมือง สายธานีรัถยา, สถานีวัดพระศรีมหาธาตุ เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีเขียว
นอกจากนี้ในอนาคตจะเชื่อมต่อกับสถานีวัชรพล เชื่อมต่อกับโครงรถไฟฟ้าสายสีเทาและสถานีมีนบุรี เชื่อมต่อกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม จึงสามารถขนส่งผู้โดยสารจากพื้นที่จังหวัดนนทบุรีและตอนเหนือของกรุงเทพมหานคร เข้าสู่รถไฟฟ้าสายหลักที่วิ่งให้บริการในพื้นที่ใจกลางเมืองได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในด้านศักยภาพการรองรับผู้โดยสารจะมีรถไฟฟ้าวิ่งให้บริการในระบบและขบวนสำรอง รวมทั้งสิ้น 42 ขบวน โดยระยะแรกแต่ละขบวนจะให้บริการด้วยขนาด 4 ตู้ต่อขบวน สามารถขนส่งผู้โดยสารได้ประมาณ 17,000 คนต่อชั่วโมงต่อทิศทาง และในอนาคตเมื่อจำนวนผู้โดยสารเพิ่มสูงขึ้นก็สามารถเพิ่มขนาดสูงสุดได้ถึง 7 ตู้ต่อขบวน รองรับผู้โดยสารได้สูงสุด 28,000 คนต่อชั่วโมงต่อทิศทาง เมื่อให้บริการด้วยความถี่ 2 นาที
อย่างไรก็ตามรัฐบาลได้กำชับให้ รฟม. ติดตามตรวจสอบการทดลองให้บริการของรถไฟฟ้ามหานคร สายสีชมพู แก่ประชาชนอย่างใกล้ชิด ประเมินความพร้อมของงานและความปลอดภัยต่อผู้โดยสารที่จะเข้ามาใช้บริการในระบบรถไฟฟ้าเป็นหัวใจสำคัญสูงสุด ก่อนที่จะรับรองการเปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบเชิงพาณิชย์ให้แก่ผู้รับสัมปทานต่อไป ซึ่งคาดว่าจะไม่เกินเดือนธันวาคมนี้