28 พฤศจิกายน 2566 นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม. มีมติอนุมัติงบฯ ปี 2566 ไปพลางก่อน งบกลางรายการเงินสำรองจ่ายฯ วงเงิน 352.16 ล้านบาทเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการช่วยเหลือและอพยพคนไทยที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในอิสราเอลตามที่กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) เสนอ
เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบอิสราเอลและฉนวนกาซาตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม 2566 ส่งผลกระทบต่อสวัสดิภาพและความปลอดภัยของคนไทยซึ่งพำนักในพื้นที่ดังกล่าว
ดังนั้น รัฐบาลจึงได้มอบหมายให้ กต.ซึ่งมีภารกิจในการดูแลและคุ้มครองคนไทยในต่างประเทศเป็นหน่วยงานหลักในการให้ความช่วยเหลือและอพยพคนไทยออกจากอิสราเอลโดยเร็วที่สุด รวมถึงชดเชยค่าใช้จ่ายสำหรับผู้ที่ออกค่าใช้จ่ายในการเดินทางกลับไทยด้วยตนเอง
ทั้งนี้ นับตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค. – 15 พ.ย. 2566 สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ได้อพยพคนไทยจากอิสราเอลกลับไทยแล้ว จำนวน 7,470 ราย มีผู้เสียชีวิต จำนวน 39 ราย ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 18 ราย และผู้ที่ถูกควบคุมตัวซึ่งได้รับการยืนยันจากทางการอิสราเอลแล้ว จำนวน 25 ราย
อย่างไรก็ดี กระทรวงการต่างประเทศและส่วนราชการที่เกี่ยวข้องประมาณการค่าใช้จ่ายเพื่อช่วยเหลือและอพยพคนไทยที่ได้รับผลกระทบจากภาวะสงครามในอิสราเอล ในวงเงินประมาณ 939.12 ล้านบาท
โดยในเบื้องต้น กต. ได้ทดรองจ่ายงบฯ จากเงินอุดหนุนช่วยเหลือคนไทยที่ตกทุกข์ได้ยากในต่างประเทศภายใต้งบฯ ปี 66 ไปพลางก่อนซึ่งได้รับจัดสรรจำนวน 13.33 ล้านบาท เพื่อจัดซื้อบัตรโดยสารและเช่าเหมาลำเครื่องบินพาณิชย์ จัดซื้อเครื่องอุปโภคและบริโภคที่จำเป็น และเช่ายานพาหนะเพื่ออพยพคนไทยจากอิสราเอล
ต่อมา สงป. ได้อนุมัติให้ สป.กต. เบิกจ่ายงบฯ ปี 66 ไปพลางก่อน งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายฯ วงเงิน 97 ล้านบาท ครั้งที่ 1 สำหรับชำระค่าใช้จ่ายที่จำเป็น
กระทรวงการต่างประเทศได้มีหนังสือไปยัง สงป. เพื่อขอรับจัดสรรงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายฯ ครั้งที่ 2 ในวงเงิน 352.16 ล้านบาทซึ่งจำเป็นต้องชำระค่าใช้จ่ายในช่วงพฤศจิกายน 66 เพื่อชำระค่าใช้จ่ายในส่วนที่ยังไม่ได้รับจัดสรรและค่าใช้จ่ายที่จำเป็นต้องเบิกจ่าย ซึ่งทาง สงป. แจ้งว่า นายกรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบการขอรับจัดสรรงบกลางฯ ดังกล่าวแล้ว