อัพเดทรถไฟทางคู่สายใต้ ยันเปิดบริการครบตลอดเส้นทางในปี 2567

17 ธ.ค. 2566 | 02:33 น.
อัปเดตล่าสุด :17 ธ.ค. 2566 | 03:15 น.

คมนาคมอัพเดทแผนพัฒนารถไฟทางคู่สายใต้ เปิดบริการครบตลอดเส้นทางในปี 2567 เชื่อมอ่าวไทย หรือ ไทยแลนด์ริเวียร่า ทั้งดันแผนพัฒนาเส้นทางรถไฟสายใต้สายใหม่ รับแลนด์บริดจ์

นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลมีนโยบายเร่งรัดโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ และรถไฟทางสายใหม่ทั่วประเทศ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพระบบการขนส่งทางรางของประเทศ โครงการพัฒนารถไฟทางคู่สายใต้ จะมีความพร้อมเปิดให้บริการครบตลอดเส้นทางภายในปี 2567 ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งทางรางของประเทศให้มีความสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย

อัพเดทรถไฟทางคู่สายใต้ ยันเปิดบริการครบตลอดเส้นทางในปี 2567

ทั้งยังมีส่วนช่วยสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของประเทศ ตลอดจนเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยเปิดประตูทางเศรษฐกิจ เชื่อมโยงการเจริญเติบโตสู่ภูมิภาค ยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทย และพลิกโฉมการคมนาคมขนส่งระบบรางของประเทศ ให้กลายเป็นศูนย์กลางด้านคมนาคมของภูมิภาคอาเซียนได้ในอนาคตอันใกล้ 

กระทรวงคมนาคมได้อัพเดทการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ที่ปัจจุบันรุดหน้าอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะรถไฟทางคู่สายใต้ ช่วงนครปฐม - หัวหิน ช่วงหัวหิน - ประจวบคีรีขันธ์ และช่วงประจวบคีรีขันธ์ - ชุมพร มีความก้าวหน้าอย่างมาก

อัพเดทรถไฟทางคู่สายใต้ ยันเปิดบริการครบตลอดเส้นทางในปี 2567

  • ช่วงที่ 1 นครปฐม - หัวหิน ระยะทาง 169 กิโลเมตร ช่วงนครปฐม – หนองปลาไหล คืบหน้า 97.2 % ช่วงหนองปลาไหล – หัวหิน คืบหน้า 98.3 %
  • ช่วงที่ 2 หัวหิน - ประจวบคีรีขันธ์ ระยะทาง 84 กิโลเมตร ก่อสร้างงานโยธาแล้วเสร็จเปิดเดินรถทางคู่แล้วเมื่อปี 2565
  • ช่วงที่ 3 ประจวบคีรีขันธ์ - ชุมพร ระยะทาง 167 กิโลเมตร ช่วงประจวบคีรีขันธ์ - บางสะพานน้อย คืบหน้า 94.7 % ช่วงบางสะพานน้อย - ชุมพร คืบหน้า 97.9 %

ทั้งนี้เพื่อให้สอดรับต่อการเพิ่มประสิทธิการเดินรถไฟทางคู่สายใต้ และอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้บริการ

นอกจากนี้ยังได้ลงพื้นที่ติดตามความก้าวหน้าโครงการรถไฟทางคู่สายใต้ และตรวจเยี่ยมสถานีรถไฟอีกหลายแห่ง เพื่อเตรียมความพร้อมในการเปิดให้บริการเดินรถไฟทางคู่สายใต้ช่วงแรก ระหว่างสถานีบ้านคูบัว จังหวัดราชบุรี ถึงสถานีสะพลี จังหวัดชุมพร  ที่เริ่มเปิดให้บริการไปเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2566 รองรับการเดินทางของผู้โดยสารในช่วงเทศกาลปีใหม่ ให้มีความสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย

นายสุรพงษ์  ยังกล่าวต่อว่า การลงพื้นที่ติดตามโครงการรถไฟทางคู่สายใต้ในครั้งนี้ ได้เริ่มตรวจเยี่ยมตั้งแต่สถานีรถไฟชุมพรแห่งใหม่ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างก่อสร้างอาคารและส่วนประกอบเพื่อรองรับโครงการรถไฟทางคู่  พร้อมทั้งยังได้ตรวจเยี่ยมโรงซ่อมรถจักรชุมพร ซึ่งได้กำชับให้การรถไฟฯ เร่งปรับปรุงรถจักรล้อเลื่อนที่มีอยู่ให้มีความพร้อมต่อการให้บริการ เพื่อสร้างความมั่นใจในการใช้บริการแก่ผู้โดยสารสูงสุด

อัพเดทรถไฟทางคู่สายใต้ ยันเปิดบริการครบตลอดเส้นทางในปี 2567

จากนั้น ได้นำคณะเดินทางโดยขบวนรถพิเศษจากสถานีชุมพร - สวนสนประดิพัทธ์ เพื่อตรวจสอบความพร้อมในการเปิดให้บริการรถไฟทางคู่สายใต้ช่วงแรกระหว่างสถานีบ้านคูบัว จังหวัดราชบุรี ถึงสถานีสะพลี จังหวัดชุมพร ระยะทาง 348 กิโลเมตร 

ปัจจุบันภาพรวมการก่อสร้างงานโยธา คืบหน้าไปกว่า 97 % เป็นไปตามเป้าหมาย และเปิดให้บริการช่วงแรกได้ในวันที่ 15 ธันวาคม 2566  รองรับการเดินทางช่วงเทศกาลปีใหม่ ที่จะมีพี่น้องประชาชนใช้บริการรถไฟจำนวนมาก ให้ได้รับความสะดวก รวดเร็ว ถึงที่หมายอย่างปลอดภัย

ส่วนการเปิดบริการช่วงสอง ระหว่างสถานีนครปฐม ถึงสถานีบ้านคูบัว มีเป้าหมายเปิดให้บริการได้ประมาณเดือนเมษายน 2567  ซึ่งขอให้การรถไฟฯ เร่งรัดดำเนินการในด้านต่างๆ ให้แล้วเสร็จตามแผนที่กำหนด ทั้งยังได้มีการตรวจดูแลความเรียบร้อยการเปิดให้บริการสถานีรถไฟหัวหินแห่งใหม่ ซึ่งได้เปิดบริการไปแล้วเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา

อัพเดทรถไฟทางคู่สายใต้ ยันเปิดบริการครบตลอดเส้นทางในปี 2567

นอกจากนี้ ยังได้เดินทางตรวจเยี่ยมสถานีรถไฟสวนสนประดิพัทธ์แห่งใหม่ ซึ่งการรถไฟฯ ได้มีการขยายสถานีต้นทาง/ปลายทางขบวนรถธรรมดาที่ 261/262 จากสถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง) – หัวหิน – กรุงเทพ (หัวลำโพง)ไปเป็น สถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง) – สวนสนประดิพัทธ์ – กรุงเทพ (หัวลำโพง)

ทั้งนี้เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวให้ประชาชนและนักท่องเที่ยว สามารถเชื่อมต่อการเดินทางไปยังแหล่งท่องเที่ยวอื่นใกล้อำเภอหัวหินได้อย่างสะดวก ซึ่งการรถไฟฯ จะได้เร่งปรับปรุงทางเดินข้ามทางรถไฟ เพิ่มความปลอดภัยแก่ผู้โดยสารและนักท่องเที่ยวภายในสถานี

อัพเดทรถไฟทางคู่สายใต้ ยันเปิดบริการครบตลอดเส้นทางในปี 2567

ขณะเดียวกัน ยังได้ร่วมรับฟังการบรรยายโครงการการดำเนินงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับแผนพัฒนาเส้นทางรถไฟสายใต้ในระยะถัดไปหลายโครงการ ประกอบด้วย

  • การดำเนินโครงการรถไฟทางคู่สายใต้ ระยะที่ 2 ช่วงชุมพร–สุราษฎร์ธานี ช่วงสุราษฎร์ธานี - ชุมทางหาดใหญ่ – สงขลา และช่วงชุมทางหาดใหญ่ - ปาดังเบซาร์  ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการทบทวนรายละเอียดโครงการ เพื่อนำอนุมัติดำเนินการจากคณะรัฐมนตรี
  • การทำแผนพัฒนารถไฟทางคู่ เชื่อมต่อโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่ง เพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ เชื่อมโยงการขนส่งระหว่างอ่าวไทยและอันดามัน หรือโครงการแลนด์บริดจ์

ทั้งนี้เพื่อขยายเพิ่มขีดความสามารถการขนส่งสินค้าและผู้โดยสาร รวมถึงการท่องเที่ยวของประเทศ ซึ่งได้เริ่มศึกษาไปแล้วตั้งแต่ปี 2564 ดังนั้น ในส่วนของกระทรวงคมนาคม จึงมอบหมายให้การรถไฟฯ ทำการศึกษา สำรวจ ออกแบบรายละเอียดและจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการก่อสร้างทางรถไฟ ช่วงชุมพร-ท่าเรือน้ำลึกระนองควบคู่กันไปด้วย เพื่อให้สอดรับกับโครงการพัฒนาแลนด์บริดจ์ 

โดยล่าสุด การรถไฟฯ ได้จัดประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชนแล้ว 2 ครั้ง เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2565 และวันที่ 28 พฤศจิกายน 2566 ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วยกับโครงการ

  •  การพัฒนาทางรถไฟเชื่อมนิคมอุตสาหกรรม

โดยจะมีการก่อสร้างย่านสถานีบริเวณจุดเชื่อมต่อประแจและทางแยกสถานีนาผักขวง ในโครงการ SSI’s Distribution Hub (ด้านเหนือ) และโครงการ SSI’s Logistics Terminal (ด้านใต้) เพื่อใช้เป็นจุดเชื่อมต่อการขนส่งสินค้า จากสถานีนาผักขวงเข้าสู่พื้นที่โครงการนิคมอุสาหกรรมของกลุ่มบริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) หรือ SSI ระยะทาง 2.138 กิโลเมตร ซึ่งเป็นการเชื่อมโยงระบบการขนส่งทางรางสู่อุตสาหกรรมเหล็กบางสะพาน และท่าเรือน้ำลึก

โดยโครงการนี้มีความสำคัญมากต่อการช่วยเสริมศักยภาพการเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ของภาคใต้ ซึ่งปัจจุบันการรถไฟฯ และ บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน)อยู่ระหว่างการพิจารณาแนวทางและรูปแบบการเชื่อมโยงในอนาคต

  • แผนการปรับปรุงขบวนรถโดยสารเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ

การรถไฟฯ มีแผนจะปรับปรุงชุดขบวนรถโดยสารให้ใช้งานเป็นรถ Power Car จำนวน 192 คัน เพื่อช่วยลดมลภาวะทางเสียง และสิ่งแวดล้อม รวมถึงประหยัดพลังงานให้กับประเทศ, การปรับปรุงตู้โดยสารชั้น 3 ให้เป็นตู้โดยสารปรับอากาศ, การปรับปรุงห้องน้ำขบวนรถโดยสารให้เป็นห้องน้ำระบบปิดทั้งหมด, และการปรับปรุงบันไดทางขึ้นลงขบวนรถโดยสารให้สามารถรองรับชานชาลาแบบสูง 

นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาประยุกต์ใช้ภายในตู้โดยสาร อาทิ ติดตั้งระบบ Wifi ช่องเสียบ USB ติดตั้งระบบหน้าจอ Touchscreen  ใช้ระบบ Infotainment เชื่อมต่อ Youtube Netflix กับขบวนรถดีเซลราง (Daewoo) จำนวน 39 คัน  ซึ่งจะเริ่มดำเนินการได้ประมาณปี 2567 และแล้วเสร็จในปี 2568