บทสรุป นายกฯ ถก 6 บิ๊กคอร์ปเวที WEF ดึงลงทุนแลนด์บริดจ์-ขยายธุรกิจในไทย

18 ม.ค. 2567 | 03:24 น.
อัปเดตล่าสุด :18 ม.ค. 2567 | 03:29 น.

สรุปผลการหารือภาคเอกชนรายใหญ่ของโลก กับ นายกฯ "เศรษฐา ทวีสิน" ช่วงเดินทางประชุม WEF2024 พร้อมเชิญชวนเข้ามาลงทุนโครงการแลนด์บริดจ์ และขยายธุรกิจในไทย

สรุปผลการหารือภาคเอกชนของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และคณะ ซึ่งมีภารกิจเข้าร่วมการประชุม World Economic Forum (WEF2024) ประจำปี 2567 ณ เมืองดาวอส สมาพันธรัฐสวิส ระหว่างวันที่ 15 -19 มกราคม 2567 โดยเมื่อวันที่ 17 มกราคม ที่ผ่านมานายกฯ ได้มีการหารือกับเอกชนรายใหญ่หลายคณะ ดังนี้

DP World

นายกฯ หารือกับ Sultan Ahmed bin Sulayem ประธานกลุ่มบริษัท และผู้บริหารของบริษัท DP World ผู้เชี่ยวชาญด้านโลจิสติกส์การขนส่งสินค้า การดำเนินงานท่าเรือ ซึ่งเป็น Operator ของท่าเรือแหลมฉบัง ได้แสดงเจตจำนงชัดเจนจะมาลงทุนในโครงการ Landbridge พร้อมจะเดินทางมาหารือที่ประเทศไทย และจะเดินทางไปสำรวจสถานที่จริงด้วย ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมจะนำคณะเดินทางไปเอง

HSBC

นายกฯ ยังได้หารือกับผู้บริหาร HSBC ซึ่งพร้อมจะทำงานร่วมกับไทยมากขึ้น และพร้อมจะทำ Roadshow ร่วมกัน รวมถึงหารือกับผู้อำนวยการใหญ่องค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก (World Intellectual Property Organization: WIPO) ซึ่งยืนยันว่าไทยให้ความสำคัญกับเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา และทั้งสองฝ่ายจะร่วมมือกันต่อไป

Bank of America

นายกฯ หารือกับนาย Bernard Mensah ประธาน Bank of America และ CEO ของ Merrill Lynch International ซึ่งเป็นสถาบันการเงินระดับโลก และมีสำนักงานขนาดใหญ่ที่ไทยด้วย ซึ่งจากการพูดคุยกัน มีแนวทางความร่วมมือ ทั้งการส่งเสริมให้บริษัทไทยไปลงทุนในต่างประเทศ รวมถึงการทำ Roadshow ร่วมกัน เพื่อนำประเทศไทยเข้าไปมีส่วนร่วมในเวทีโลกมากขึ้น

Telenor 

นายกฯ พบปะกับนาย Jens Petter Olsen ผู้บริหารบริษัท Telenor โดยได้มีโอกาสพูดคุยกับผู้บริหาร บริษัท Telenor ถึงศักยภาพของประเทศไทย ที่จะยกระดับ Startup และต่อยอดเพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงนวัตกรรมใหม่ๆ ที่เป็นส่วนสำคัญและสร้างพื้นฐานของระบบเศรษฐกิจดิจิทัล และส่งเสริม Startup ของไทยให้ประสบความสำเร็จระดับ Unicorn มากขึ้น

Coca Cola

นายกฯ พบปะกับนาย James Quincey ประธาน และ CEO บริษัท Coca-Cola หนึ่งในบริษัทเครื่องดื่มที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นเจ้าของหรือมีใบอนุญาตแบรนด์เครื่องดื่มมากกว่า 200 แบรนด์ โดยก่อตั้งในประเทศไทยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2533 

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าบริษัท Coca Cola ให้ความสำคัญเรื่องความยั่งยืน และได้มาหารือในประเด็นการใช้ขวดพลาสติก เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในเรื่องของมลภาวะ โดยที่ทางบริษัทฯ มีแผนที่จะขยายการลงทุนในไทย และไทยพร้อมที่จะเป็น ศูนย์กลางของภูมิภาค Regional Hub เพราะตอนนี้ รัฐบาลมีนโยบายในการส่งเสริมการค้าการลงทุน ที่จะทำให้การขนส่งสินค้าระหว่างประเทศเพื่อนบ้านมีความสะดวกมากยิ่งขึ้น ทั้งเรื่องภาษีศุลกากร ภาษีสรรพสามิต ด่านต่าง ๆ ซึ่งมีความพร้อม 

นอกจากนั้น บริษัทฯ​ ยังได้เสนอแนวความคิด water resilience ที่จะทำให้การคืนน้ำให้กลับสู่ธรรมชาติ มีปริมาณมากกว่าปริมาณน้ำที่ใช้ เพื่อความสมดุลในธรรมชาติ โดยนายกฯ พร้อมให้ทีมงานของบริษัทฯ เข้ามาทำการศึกษา เพื่อให้ทำโครงการนำร่องในประเทศไทย

SAAB - SEB

นายกฯ พบปะกับนาย Marcus Wallenberg ประธานบริษัท SAAB และประธานกรรมการธนาคาร Skandinaviska Enskilda Banken (SEB) ธนาคารชั้นนำของสวีเดน

นายกฯ ระบุว่า การพบปะกับนาย Marcus นับว่ามีความน่าสนใจ เพราะเป็นนักธุรกิจที่มีความสามารถสูง เป็นประธานในบริษัทยักษ์ใหญ่ของสวีเดนหลายบริษัทที่ประกอบธุรกิจที่หลากหลายเช่น SAAB ABB AstraZeneca พร้อมทั้งมีเครือข่ายการจำหน่ายเครื่องบิน และเรือดำน้ำอีกด้วย โดยนาย Marcus ยินดีสนับสนุน และพิจารณา การขยายการลงทุนต่าง ๆ ในไทยด้วย