KEY
POINTS
ผู้นำ หัวหน้าองค์การระหว่างประเทศ ผู้บริหารภาคธุรกิจ นักวิชาการ ตลอดจนผู้มีอิทธิพลทางความคิดระดับโลก ประมาณ 2,500 คนจากทั่วโลก เข้าร่วมการประชุม World Economic Forum (WEF ) 2024 ที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เพื่อร่วมหารือในการรับมือกับความท้าทายระดับโลกที่เร่งด่วนที่สุด โดยเฉพาะ "วิกฤตสภาพภูมิอากาศ" กำลังได้รับความสนใจใน WEF 2024
หลังจากการประชุม COP28 ที่จัดขึ้นในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เเละการตัดสินใจแต่งตั้งผู้บริหารน้ำมัน เช่น มุกห์ตาร์ บาบาเยฟ เป็นผู้นำการเจรจาเรื่องสภาพภูมิอากาศในการประชุม COP29 ในเวลาต่อมา ต้องเผชิญกับข้อวิพากษ์วิจารณ์จากองค์กรพัฒนาเอกชนและนักเคลื่อนไหวด้านสภาพอากาศ แม้จะมีการคัดค้าน แต่การตัดสินใจดังกล่าวก็ได้รับการสนับสนุนจากผู้เล่นในอุตสาหกรรมและสหประชาชาติ โดยเน้นย้ำถึงความซับซ้อนและความขัดแย้งที่มีอยู่ในวาทกรรมเรื่องสภาพภูมิอากาศโลก
วิกฤตสภาพภูมิอากาศติดอันดับความเสี่ยงที่ใหญ่ที่สุดในทศวรรษหน้า ขณะที่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว Copernicus Climate Change Service ของสหภาพยุโรปเปิดเผยว่าปี 2023 เป็นปีที่ร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์โดยมีผลกระทบสำคัญต่อการรักษาภาวะโลกร้อนให้ต่ำกว่า 1.5 องศาเซลเซียส
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นหนึ่งในความเสี่ยงที่ใหญ่ที่สุดที่โลกเผชิญในทศวรรษหน้า ตามรายงาน ความเสี่ยงทั่วโลกของ WEF ที่เผยแพร่เมื่อสัปดาห์ที่แล้วก่อนการประชุมเมืองดาวอส แม้ว่าข้อมูลที่ผิดและการบิดเบือนถือเป็นความเสี่ยงเร่งด่วนที่ใหญ่ที่สุดก็ตาม แต่ครึ่งหนึ่งของภัยคุกคามที่รุนแรงที่สุดในรอบ 10 ปีข้างหน้าคือ "สิ่งแวดล้อม" ซึ่งรวมถึงเหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้ว การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญต่อระบบของโลก การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ การล่มสลายของระบบนิเวศ และการขาดแคลนทรัพยากรธรรมชาติ
รายงานยังระบุว่าความร่วมมือในประเด็นเร่งด่วนระดับโลก อย่างการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศยังไม่เพียงพอ โดยเรียกร้องให้ผู้นำคิดใหม่ถึงการดำเนินการเพื่อจัดการกับความเสี่ยงเหล่านี้ และส่งเสริมการวิจัยเพิ่มเติมในด้านต่างๆ ที่สามารถช่วยได้ เช่น การสร้างแบบจำลองสภาพภูมิอากาศหรือเทคโนโลยีสำหรับการเปลี่ยนแปลงสีเขียว
เมื่อการประชุม WEF ที่ดาวอสเปิดขึ้น Klaus Schwab (เคลาส์ ชวาบ) ผู้ก่อตั้งและประธานบริหารของ WEF เรียกร้องให้ผู้เข้าร่วมประชุมสร้างความร่วมมือ และเป็นหุ้นส่วนที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นเกี่ยวกับความท้าทายที่สำคัญระดับโลก ท่ามกลางความแตกแยกทางสังคมที่เพิ่มมากขึ้น
เชื้อเพลิงฟอสซิลและการเปลี่ยนผ่านสีเขียว
หลังจากข้อตกลงประวัติศาสตร์ซึ่งรวมถึงการเพิ่มพลังงานหมุนเวียนสามเท่าและการเปลี่ยนจากเชื้อเพลิงฟอสซิลจากการประชุม COP28 ในเดือนธันวาคมปีที่เเล้ว เวลานี้ WEF คิดว่าการจัดการกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นวิธีหนึ่งที่ผู้นำสามารถแสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำและความร่วมมือที่มีความรับผิดชอบ
กลยุทธ์ในการปกป้องธรรมชาติและต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมถึงแผนการที่เป็นรูปธรรมมากขึ้นในการเข้าถึงความเป็นกลางทางคาร์บอนซึ่งอาจเป็นวิธีหนึ่งที่รัฐบาลต่างๆ สามารถทำได้เพื่อให้สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของ WEF 2024 ในธีมปีนี้ "Rebuilding Trust"
ผู้นำจะรวมตัวกันเพื่อหารือถึงวิธีการพัฒนาแผนระยะยาวนี้เพื่อให้บรรลุโลกที่เป็นกลางทางคาร์บอนและเป็นธรรมชาติภายในปี 2593 ขณะเดียวกันก็ให้ความสำคัญกับการเข้าถึงพลังงาน อาหาร น้ำที่ปลอดภัย และครอบคลุม ตามที่ WEF ระบุ
ขณะที่เทคโนโลยีสีเขียวมีแนวโน้มที่จะเป็นหนึ่งในประเด็นสำคัญที่ต้องอภิปราย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงาน ซึ่งเป็นหนึ่งใน 6 หัวข้อหลักที่ผู้ร่วมประชุมจะมุ่งเน้น เรื่องนี้เกิดขึ้นในขณะที่ สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ (International Energy Agency) เปิดเผยถึงพลังงานทดแทนที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และความเชื่อมั่นทั่วโลกในด้านนวัตกรรมด้านสิ่งแวดล้อมก็มีเพิ่มมากขึ้น
ส่วนการจัดหาเงินทุนสำหรับการเปลี่ยนแปลงอย่างยุติธรรมผ่านแหล่งข้อมูลทั้งภาครัฐและเอกชน ก็มีแนวโน้มที่จะเป็นประเด็นร้อน ซึ่งสะท้อนถึงการอภิปรายที่ใหญ่ที่สุดอีกครั้งในการประชุม COP28
นักเคลื่อนไหวสิ่งเเวดล้อมไม่มั่นใจ WEF
การประชุมที่ดาวอสถูกวิพากษ์วิจารณ์มานานแล้วโดยถูกระบุว่า เป็นกลุ่มชนชั้นนำโลกซึ่งเป็นต้นเหตุของปัญหา นักเคลื่อนไหวแทบไม่เชื่อเลยว่านักการเมืองและกลุ่มมหาเศรษฐีจะสามารถจัดการกับปัญหาสำคัญๆ เช่น วิกฤตสภาพภูมิอากาศในการประชุมเช่นนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นักเคลื่อนไหวด้านสภาพอากาศชาวสวีเดน เกรตา ทุนเบิร์ก กล่าวเมื่อปีที่แล้วว่า เป็นเรื่อง ไร้สาระที่โลกยังคงฟังผู้คนที่จุดประกายการทำลายล้างโลกที่ดาวอส แทนที่จะเป็นผู้คนที่เป็นต้นเรื่องของเหตุฉุกเฉินด้านสภาพอากาศ
ปีนี้ก็เช่นกัน มีการประท้วงก่อนการประชุมประจำปี นักเคลื่อนไหวด้านสภาพอากาศออกมาปิดกั้นถนนที่มุ่งไปยังสถานที่จัดงาน WEF เมื่อวันอาทิตย์ทผ่านมา ส่งผลให้การจราจรติดขัดเป็นระยะทาง 18 กิโลเมตร
Gegen das undemokratische Treffen der Mächtigen und Reichsten! Heute waren wir mit Hunderten wieder in Davos, um gegen das #WEF zu protestieren!
— Nicola Siegrist (@Nicola_Siegrist) January 14, 2024
Statt Cüplis hinter verschlossenen Türen braucht es endlich radikale Massnahmen gegen Klimakrise, Ungleichheit und Krieg! pic.twitter.com/0YMfQq0UHW