KEY
POINTS
"เศรษฐา ทวีสิน" อดีตซีอีโอแสนสิริ ผู้ติดฉลากข้างตัวเป็น "เซลส์แมนประเทศไทย" ตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 เดินสายโรดโชว์ต่างประเทศใกล้-ไกล ทั้งสหรัฐฯ จีน ยุโรป ญี่ปุ่น
ในโอกาสเยือนประเทศต่าง ๆ แนะตัวอย่างเป็นทางการก็ดี หรือเข้าร่วมเวทีการประชุมระหว่างประเทศก็ดี "เศรษฐา" ได้พบปะผู้นำต่างประเทศมหาอำนาจ-มหามิตร และนักธุรกิจชั้นนำของโลกหลายราย เพื่อเป้าหมายดึงดูดนักลงทุนต่างชาติมาแล้ว 11 ประเทศ
โดยมีสำนักงานส่งเสริมการลงทุน หรือ BOI เป็น "อาวุธประจำกาย" เป็น "หัวหอก" ขนแพคเกจเมกะโปรเจกต์-โครงการเรือธง "แลนด์บริดจ์" หรืออุตสาหกรรมแห่งอนาคตอย่าง ยานยนต์ไฟฟ้า (EV)
ทั้งนี้ บีโอไอได้รับการจัดสรรงบประมาณปี 2567 จำนวน 592.851 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ 2566 ที่ได้รับจำนวน 535.364 ล้านบาท เฉพาะโครงการส่งเสริมการลงทุนเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันทั้งการลงทุนในประเทศและการลงทุนของไทยในต่างประเทศ จำนวน 122.912 ล้านบาท ประกอบด้วย
"บีโอไอ" ได้ชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 สภาผู้แทนราษฎร ถึงวัตถุประสงค์ค่าใช้จ่ายชักจูงการลงทุนจากต่างประเทศ วงเงิน 68.899 ล้านบาท ว่า
เพื่อจ้างบริษัทที่ปรึกษาของบีโอไอในต่างประเทศ เนื่องจากมีบุคลากรทำงานในต่างประะเทศไม่มากนัก และเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อจัดนิทรรศการ
ขณะที่ค่าใช้จ่าย Thailand Branding วงเงิน 30 ล้านบาท มีวัตถุประสงค์เพื่อขับเคลื่อนโครงการ Thailand Branding ของรัฐบาล ซึ่งจะเป็นการสร้างโอกาสในการลงทุนจากต่างประเทศ จึงมีความจำเป็นต้องแสดงให้เห็นถึงความพร้อมในการลงทุนต่าง ๆ ของประเทศไทย
ตั้งแต่นายเศรษฐารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเดินทางไปต่างประเทศแล้ว 11 ประเทศ ดังนี้