นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้กรมบัญชีกลางไปศึกษาและพิจารณาความเป็นไปได้ในการแก้ไขระเบียบการจัดซื้อจัดจ้าง เฉพาะในปีงบประมาณ 2567 นี้เท่านั้น เพื่อให้กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างสามารถเดินหน้าได้เร็วกว่าปกติ เนื่องจากพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 2567 มีผลบังคับใช้ล่าช้ากว่ากำหนด
โดยเฉพาะในเรื่องการอุทธรณ์งานประมูลภาครัฐ บางกรณีผู้ที่แพ้การประมูล สามารถยื่นขออุทธรณ์ต่อกรมบัญชีกลางได้ ซึ่งทำให้โครงการนั้นๆ ไม่สามารถลงนามในสัญญาโครงการได้ ส่งผลให้การลงทุนต้องล่าช้าไปอีกหลายเดือน
ทั้งนี้ จึงได้เสนอให้กรมบัญชีกลางไปศึกษาความเป็นไปได้หรือไม่ กรณีคำอุทธรณ์ ที่เมื่อพิจารณาเหตุผลแล้ว ฟังไม่ขึ้น ก็ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการนั้นๆ สามารถเดินหน้าขึ้นตอนการประมูลต่อไปได้เลย เช่น สามารถลงนามในสัญญาโครงการกับภาคเอกชนที่ชนะการประมูล โดยไม่จำเป็นต้องรอผลการพิจารณาอุทธรณ์
อย่างไรก็ตาม การให้หน่วยงานเจ้าของโครงการมีอำนาจในการพิจารณาเดินหน้าโครงการข้างต้น อาจเป็นข้อกังวลสำหรับหัวหน้าหน่วยงานเจ้าของโครงการ ว่าอาจถูกฟ้องร้องดำเนินคดีในภายหลัง ดังนั้น จำเป็นต้องมีบทที่คุ้มครองการดำเนินงานของหัวหน้าเจ้าของโครงการนั้นๆ ด้วย
สำหรับ งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของสภา ในชั้นการพิจารณาของคณะกรรมาธิการงบประมาณ ของสภาผู้แทนราษฎร คาดว่าร่างกฎหมายงบประมาณฉบับนี้ น่าจะสามารถมีผลบังคับใช้ได้ภายในเดือนพ.ค.นี้ ซึ่งตามปฏิทินงบประมาณตามปกติ จะต้องเริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมของทุกปี หมายความว่างบประมาณฉบับนี้ต้องล่าช้ากว่ากำหนดถึง 6 เดือน
“แม้ว่ากฎหมายงบประมาณปี 2567 จะยังไม่มีผลบังคับใช้ แต่รัฐบาลก็ยังสามารถใช้งบประมาณรายจ่ายไปพลางก่อนได้ ตามกฎหมายวิธีการงบประมาณ สำหรับรายจ่ายลงทุนที่ได้มีการผูกพันตามสัญญากับภาคเอกชนไว้แล้วได้ แต่โครงการลงทุนใหม่ ไม่สามารถใช้ได้”