ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ ที่ปรึกษากลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร กล่าวในงานสัมมนา GEOPOLITICS 2024 หัวข้อ “ส่องเศรษฐกิจไทย เมื่อโลกวิกฤต” ว่า โลกของเรามี 2 เฟส เฟสแรก คือ โลกรวมตัวกันเป็นหนึ่งอย่างรวดเร็ว ทั้งการลงทุน และการค้า แต่ช่วงหลังกลับกลายเป็นว่า การค้าโตอย่างเดียว แต่การลงทุนลดลงแรง เนื่องจากเทคโนโลยีต่างๆ ปิดช่องว่าง ต้นทุนการผลิตไม่ได้ต่างกันมาก แต่หลังๆ การค้ากับจีดีพีโตเท่ากัน จากแต่ก่อนการค้าโตกว่าจีดีพีเยอะ
ทั้งนี้ มองว่าสถานการณ์ดังกล่าวนี้เป็นเทรนด์ใหม่ ซึ่งประเทศไทยต้องระมัดระวังมาก เพราะสมัยก่อนการส่งออกไทยเติบโตกว่าจีดีพีมาโดยตลอด แต่ปัจจุบันนี้จะเป็นเรื่องยาก
“สหรัฐอเมริกา มีการเติบโตของเศรษฐกิจ 25% ของจีดีพีโลก ขณะที่จีน 17% เมื่อรวมกันเป็น 42% เมื่อ 42% ทะเลาะกันที่เหลือ 58% ก็ลำบาก ส่วนยุโรป 15% ของจีดีพีโลก เมื่อทะเลาะกันเข้าไปอีก ก็เป็น 2 ใน 3 ของจีดีพีโลกที่มีปัญหา”
ทั้งนี้ ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา จีดีพีจีน สัดส่วน 15-17% ของโลก แต่จีดีพีจีนโต 1 เท่าตัวของโลก ฉะนั้น 10 ปีที่ผ่านมา จีดีพีโลก 1 ใน 3 โตเพราะของจีน แต่อนาคตข้างหน้าจะไม่ใช่ จีดีพีจีน กับโลกจะเติบโตเท่าๆ กัน ซึ่งไทยต้องรับสภาพนี้ เพราะเป็นหนึ่งในประเทศที่ค้ากับจีนเยอะ
สำหรับจีนเป็นประเทศที่ค้าขายเยอะที่สุดตั้งแต่ปี 2009 และในปี 2013 ทดแทนอเมริกาไปแล้ว และเศรษฐกิจจีนผิดปกติกว่าคนอื่น เขาลงทุนมหาศาลเป็นพิเศษในเรื่องการผลิตกว่า 50% ส่วนการบริโภคครัวเรือนอยู่ที่ 30% เมื่อเทียบกับการบริโภคครัวเรือนต่อดีจีดีของไทย และอเมริกาสูงถึง 50-60% ดังนั้นไม่แปลกที่จีนเป็นซุปเปอร์การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม
“จริงๆ เศรษฐกิจจีนบางส่วนฟื้น บางส่วนไม่ฟื้น บางส่วนที่ฟื้นแล้วกระทบไทย คือ อุตสาหกรรม สินเชื่อ โดยจีนกำลังเร่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เป็นการผลิตสินค้าออกต่างประเทศเป็นตัวนำ และช่วงโควิดรถยนต์ไฟฟ้าส่งออกเป็นอันดับ 1 แม้อสังหาริมทรัพย์มีปัญหา แต่เค้าผลิตสินค้าเพื่อส่งออก”