"เศรษฐา"เตรียมหารือแผน 2 กระตุ้นเศรษฐกิจ หลังเงินดิจิทัลอืด

04 ก.พ. 2567 | 01:07 น.
อัปเดตล่าสุด :04 ก.พ. 2567 | 01:07 น.

"เศรษฐา"เตรียมหารือแผน 2 กระตุ้นเศรษฐกิจ หลังเงินดิจิทัลอืด เผยรอคำเสนอแนะจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติมานาน ชี้พี่น้องประชาชนคอยไม่ได้ พร้อมให้คำตอบสัปดาห์หน้า

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า จะมีการหารือกับนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังเกี่ยวกับการเแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท ซึ่งต้องยอมรับว่าจะต้องรอคำเสนอแนะจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) รอมานานแล้ว คิดว่าต้องมีวิธีการอื่นรองรับ เพราะคำเสนอแนะยังไม่มาสักที พี่น้องประชาชนเขาคอยไม่ได้

ทั้งนี้ หากถามว่า ป.ป.ช.รอการดำเนินการความชัดเจนจากรัฐบาลและรัฐบาลก็รอข้อเสนอแนะจาก ป.ป.ช. จะทำให้ไทม์ไลน์ขยับออกไปมากหรือไม่นั้น ประเด็นดังกล่าวนี้ไม่ค่อยแน่ใจว่า ป.ป.ช.รอรัฐบาลเรื่องอะไร จึงต้องขอสอบถามก่อนดีกว่า อย่าให้พูดไปโดยไม่มีข้อมูล ขอเป็นต้นสัปดาห์หน้า

นางสาววิสาระดี เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า พรรค พท.ยังคงเดินหน้าทำนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตให้สำเร็จ เพราะประชาชนรากหญ้าคาดหวังกับโครงการนี้มาก 

โดยจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจระดับฐานรากภายในชุมชน จังหวัด จนถึงระดับประเทศให้มีเม็ดเงินสะพัด ทำให้เศรษฐกิจหมุนเวียนดีขึ้นจากกำลังซื้อที่มากขึ้น ส่งผลให้คุณภาพชีวิตของประชาชนดีขึ้นตามไปด้วย โดยเฉพาะในพื้นที่ จ.เชียงราย ที่ได้ลงพื้นที่พบปะประชาชนอย่างสม่ำเสมอ ต่างเรียกร้องให้ทำนโยบายให้สำเร็จโดยเร็ว และภาคเอกชนในพื้นที่ก็ตอบรับและเชื่อมั่นว่าโครงการนี้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ 

สำหรับผลการศึกษานโยบายดิจิทัลวอลเล็ตของนายสุวิทย์ สรรพวิทยศิริ และทีมงานเศรษฐศาสตร์นอกขนบ ที่อธิบายเรื่องผลของนโยบายต่อจีดีพีและต่อหนี้สาธารณะต่อจีดีพี พบว่านโยบายนี้มีผลสำคัญต่อการ กระตุ้นการเติบโตของจีดีพีได้ดีที่สุด สามารถกระตุ้นผลของการเติบโตจีดีพีปี 2567-2570 ได้สูงสุดที่ 4.73% 5.22% 5.61% และ 5.54% 

และมีผลกระทบต่อการเพิ่มขึ้นของหนี้สาธารณะต่อจีดีพีต่ำสุดด้วย หากจีดีพียังคงถูกปล่อยให้เติบโตต่ำในระดับเพียงแค่ประมาณ 2% เศรษฐกิจของประเทศไทยจะเริ่มมีปัญหาในการดูแลผู้สูงอายุที่นับวันก็จะมีจำนวนคนมากขึ้นทุกปี และจากผลโพลสำนักต่างๆ พบว่าประชาชนสนับสนุนนโยบายดังกล่าว โดยหวังนำเงินไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน การที่ประชาชนเรียกร้องเข้ามาทุกวัน ยิ่งเป็นแรงผลักดันให้ มุ่งหน้าในการดำเนินโยบายให้สำเร็จ