สรรพสามิต จับมือ ศรชล. ปราบปรามลักลอบค้าน้ำมันเถื่อนทางทะเล

06 ก.พ. 2567 | 10:16 น.
อัปเดตล่าสุด :06 ก.พ. 2567 | 10:16 น.

กรมสรรพสามิต จับมือ ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) เชื่อมโยงแลกเปลี่ยนข้อมูล ปราบลักลอบค้าน้ำมันเถื่อนทางทะเล

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า ได้ร่วมพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ หรือ MOU กับศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) ผ่านการเชื่อมโยงแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารทางทะเล พัฒนากลไกและขีดความสามารถในการรับรู้เท่าทันสถานการณ์ทางทะเลและภัยคุกคามทางทะเลรูปแบบใหม่ 

โดยในส่วนของกรมสรรพสามิตจะเน้นบูรณาการข้อมูลข่าวสารในการกำกับดูแลและควบคุมโครงการจำหน่ายน้ำมันเขียว ซึ่งเป็นน้ำมันที่ได้รับการยกเว้นภาษีสรรพสามิต เพื่อจำหน่ายให้ชาวประมงในเขตต่อเนื่องของราชอาณาจักร ซึ่งห่างจากชายฝั่ง 12-24 ไมล์ทะเล ผ่านเรือสถานีบริการจำหน่ายน้ำมัน 

“น้ำมันเขียวที่ขายอยู่กลางทะเลจะมีราคาถูกกว่าน้ำมันดีเซลที่ขายอยู่บนบก เพื่อให้ต้นทุนการทำประมงถูกลง และสามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้ แต่มีเรือบางลำได้ลักลอบนำน้ำมันเขียวที่ได้รับการยกเว้นภาษีนำกลับเข้ามาขายต่อ ทำให้รัฐบาลสูญเสียรายได้เป็นจำนวนมาก รวมถึงความไม่เป็นธรรมต่อผู้เสียภาษีที่ถูกต้อง”

สำหรับการเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลในครั้งนี้ จะช่วยให้กรมสรรพสามิตสามารถควบคุม ตรวจสอบ เส้นทางการเดินเรือบรรทุกน้ำมันส่งออกที่ได้รับการยกเว้นภาษีอย่างมีประสิทธิภาพ  อีกทั้งเป็นการยกระดับการป้องกันและปราบปรามลักลอบค้าน้ำมันเถื่อนทางทะเล เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมต่อผู้เสียภาษีที่ถูกต้อง 

โดยข้อมูลที่จะบูรณาการเชื่องโยงแลกเปลี่ยนนั้นจะเป็นข้อมูลจากระบบสำแดงข้อมูลตัวตนอัตโนมัติ (Automatic Identification System : AIS) และระบบตรวจสอบและติดตามเรือขนส่งน้ำมัน Real Time Surveillance  (RTS) ของกรมสรรพสามิต ซึ่งจะเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลกับระบบวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ของ ศรชล. 

“การเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลดังกล่าวเป็นการกระทำเพื่อสนับสนุนภารกิจในการดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ของกรมสรรพสามิตและ ศรชล. ให้เกิดการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของกรมสรรพสามิต ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยภาษีสรรพสามิต มุ่งเน้น สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล สร้างมาตรฐานสากล เดินหน้าประเทศไทยสู่ความยั่งยืน”