นายมงคล เฮงโรจนโสภณ นายกสมาคมเพื่อนชุมชน เปิดเผยว่า 13 ปีที่ผ่านมา สมาคมเพื่อนชุมชนได้ร่วมกับทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาสังคม เพื่อลดปัญหาและเร่งพัฒนาจังหวัดระยอง ครอบคลุมทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม
โดยนำแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน และ ESG มาเป็นกรอบการดำเนินงาน จนเกิดผลลัพท์ที่จับต้องได้อย่างเป็นรูปธรรม เช่น ในปี 2566 ได้ส่งเสริมให้ภาคอุตสาหกรรมลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2593
ซึ่งบริษัทสมาชิกฯ ได้ร่วมกันดำเนินมาตรการต่าง ๆ รวมทั้งพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยี โดยสามารถลดก๊าซเรือนกระจกคิดเป็น 360,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์ หรือเทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ 30 ล้านต้น
รวมถึงส่งเสริมให้เกิดสังคมคาร์บอนต่ำผ่านโครงการ LESS Model (Low Emission Support Scheme) สามารถลดก๊าซเรือนกระจกได้กว่า 12,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์ หรือเทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ 1 ล้านต้น
นอกจากนี้ การให้ทุนการศึกษาระดับปริญญาตรี และทุนอาชีวะเพื่อนชุมชน ช่วยสร้างโอกาสด้านการศึกษาให้กับเยาวชนในจังหวัดระยองรวมกว่า 620 คน โครงการด้านสาธารณะสุข ได้แก่ ทุนพยาบาลเพื่อนชุมชนรวม 440 ทุน ซึ่งนักเรียนทุนพยาบาลทั้งหมดได้สำเร็จการศึกษาและเข้าทำงานในโรงพยาบาลรัฐ 9 แห่งใน จ.ระยอง ช่วยดูแลและให้บริการสุขภาพแก่ชาวระยองรวมกว่า 300,000 คน
สมาคมเพื่อนชุมชนยังมุ่งที่จะลดความเหลื่อมล้ำในด้านเศรษฐกิจให้กับชุมชน โดยได้พัฒนาศักยภาพของวิสาหกิจชุมชนและเครือข่ายกว่า 58 กลุ่ม พร้อมส่งเสริมช่องทางการตลาด สามารถกระจายรายได้สู่ชุมชนกว่า 85 ล้านบาท นับจากปี 2559 จนถึงปัจจุบัน
นายทศพร บุณยพิพัฒน์ นายกสมาคมเพื่อนชุมชนคนใหม่ กล่าวว่า เป้าหมายของสมาคมเพื่อนชุมชนในอนาคตเรายังคงมุ่งเน้นความร่วมมือกับทุกภาคส่วนในพื้นที่ จ.ระยองต่อไป เพื่อขับเคลื่อนโครงการต่าง ๆ เพื่อการพัฒนาให้เกิดเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศต้นแบบในพื้นที่มาบตาพุดคอมเพล็กซ์อย่างเป็นรูปธรรม โดยมีเป้าหมายเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ ระดับที่ 5 (Happiness) ระดับสูงสุด
และยังคงให้ความสำคัญต่อการดำเนินกิจกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การรับผิดชอบต่อสังคม และบรรษัทภิบาล ตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน เพื่อนำผู้ประกอบการและชุมชนมุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Society) โดยสมบูรณ์สร้างคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดียิ่งขึ้นให้กับพี่น้องชุมชน