ช่วงวันที่ 27-29 กุมภาพันธ์ 2567 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง นำทีมเดินทางเข้าร่วมกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว “เที่ยวใต้สุดใจ” ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จังหวัดปัตตานี จังหวัดยะลา และจังหวัดนราธิวาส
ซึ่งนอกจากมีการพบปะผู้นำศาสนา กลุ่มคนภาคส่วนต่างๆและยังมีภารกิจในการเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ เยี่ยมชมตลาดวิถีชุมชน
ก่อนหน้านี้นายกฯเศรษฐา ปาฐกถาพิเศษในงานดินเนอร์ ทอล์กของ ฐานเศรษฐกิจ ในหัวข้อ Thailand New Era ก้าวใหม่ประเทศไทย ถึงนโยบายในการเพิ่มโอกาสให้กับพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ตอนหนึ่งว่า ประเทศไทยเรามีความมั่นคงทางอาหารสูงมาก จีโอโพลิติกในโลกนี้ ความขัดแย้งระหว่างประเทศ สมัยก่อนถ้ามีความความขัดแย้งคนจะดูแค่เรื่องน้ำมัน ราคาน้ำมันจะขึ้น
"แต่วันนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว เขากลัวว่าถ้ามีความขัดแย้งแล้วเขาจะไม่มีอาหารเพราะฉะนั้นการลงทุนทางด้านอาหารเป็นเรื่องสำคัญ เราเป็นประเทศที่ได้เปรียบ เรามีความมั่นคงในเรื่องอาหารสูง เราควรใช้จุดนี้ฉายศักยภาพของประเทศไทยออกมา" นายกฯ กล่าว
นายกฯ กล่าวอีกว่า “อาหารฮาลาล” ก็เป็นเรื่องสำคัญ จะมีการลงนามแต่งตั้งคณะกรรมการสนับสนุนผลิตอาหารฮาลาล ซึ่งนายกฯจะเป็นประธาน เพื่อสนับสนุนการผลิตอาหารฮาลาล เพราะประชากรของประเทศไทยลดลง ถ้าไม่ระมัดระวังประชากรเราจะเหลือ 30 ล้านคน ในอีก 50 ข้างหน้า แต่โลกของมุสลิมมีการเจริญเติบโตของประชากรอย่างมาก ความต้องการอาหารอย่างมาก อาหารฮาลาลจะเป็นสินค้าที่สำคัญ ซึ่งเรามีความสัมพันธ์ที่ดีกับมาเลเซีย บรูไน
นายเศรษฐา กล่าวอีกว่า จะมีโอกาสเดินทางไปมาเลเซียเพื่อพบกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ซึ่งเรามีปัญหาความไม่สงบในชายแดนภาคใต้ของเรา ส่วนมาเลเซียมีปัญหาที่ภาคเหนือของเขา เลยชวนคิดว่าแทนที่เราจะกังวลเรื่องความไม่สงบความมั่นคงอย่างเดียว อยากชวนคิดว่าเราจะให้โอกาสได้ไหมกับ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จึงคิดกันว่าน่าจะดูเรื่องการสร้างศูนย์อาหารฮาลาลขึ้นมา โดยที่ไทยเป็นผู้นำการตั้งโรงงานโดยใช้มาเลเซียเซอร์ติฟิเคชั่นได้หรือไม่ ทำให้มีความแข็งแกร่งและความต้องการของโลกมากขึ้น
“ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ทราบกัน ผมมั่นใจว่าจะหายไปเมื่อเขามีเกียรติมีศักดิ์ศรี ถ้าเขามีเงินในกระเป๋ามากขึ้น รัฐบาลได้เริ่มไปแล้วในการยกเลิกใบ ตม.6 ทำให้นักท่องเที่ยวเข้ามาได้สะดวกมากขึ้น ไม่แน่ใจว่าเป็นการบังเอิญหรือไม่เมื่อมีคนเดินทางเข้ามาเยอะ การค้าขายชายแดนที่ดีขึ้น ปัญหาความไม่สงบก็ลดน้อยลงไป”
นายกฯ กล่าวถึงการลงไปพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วยว่า ไปดูเรื่องโอกาส โอกาสจะเล็ก จะใหญ่ จะกลาง จะลงไปดูเอง จะนำโอกาส เพื่อนำโอกาสเหล่านี้ นำวัฒนธรรม สินค้าไปขายในเวทีโลก จะช่วยสร้างโอกาส นำอนาคตก้าวใหม่ของประเทศไทยไปสู่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อลดความขัดแย้ง
นอกจากนี้ นายเศรษฐา เยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวเมืองปัตตานี ได้แก่ บ้านขุนพิทักษ์รายาบ้านเลขที่ 5 กือดาจีนอ ตลาดวัฒนธรรมกือดาจีนอ ศาลเจ้าเล่งจูเกียง (เจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว) ระหว่างเดินเยี่ยมชม นายกฯ รับฟังบรรยายสรุปประวัติของบ้านเลขที่ 5 กือดาจีนอ พร้อมกับสอบถามด้วยความสนใจในเรื่องการท่องเที่ยวที่สำคัญด้านประวัติศาสตร์ ว่า ได้มีการส่งเสริมสนับสนุนให้จัดทำสารคดีทางประวัติศาสตร์หรือไม่ รวมถึงสายการบินได้สนับสนุนให้เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ควรมาเยี่ยมชมเมื่อมาจังหวัดปัตตานี เพราะดูจากลักษณะความพร้อมที่ได้มีการดำเนินการปรับปรุงมาแล้วถึง 2 ปี ควรมีการสนับสนุนในด้านการท่องเที่ยวให้มากขึ้น
ขณะเดียวกัน นายกฯยังได้เดินทางไปมัสยิดกลางจังหวัดปัตตานี ได้หารือกับผู้นำศาสนาประจำจังหวัดปัตตานี ซึ่งนายกฯ กล่าวว่าเป็นครั้งแรกที่ได้เข้ามาเยี่ยมชมมัสยิด รู้สึกประทับใจ ทั้งนี้ จากการรับฟังรายงานทราบว่า มัสยิดแห่งนี้สร้างเสร็จเมื่อปี 2506 ถือว่าเป็นมัสยิดที่มีความสวยงาม วันนี้ตนเองนำรัฐมนตรีมาหลายท่าน มาดูโอกาสของจังหวัดชายแดนภาคใต้ และดีใจที่ได้มาจังหวัดปัตตานีเป็นจังหวัดแรก ได้มาดูวัฒนธรรมประเพณี ได้เห็นศักยภาพของจังหวัดปัตตานี ยืนยันรัฐบาลให้การสนับสนุน เพื่อให้จังหวัดเมืองรองสามารถที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้าในพื้นที่มากขึ้นเพื่อสร้างรายได้สู่จังหวัด โดยมอบให้ ศอ.บต. ไปดูเรื่องสาธารณูปโภคทั้งหมดของมัสยิดในพื้นที่ภาคใต้