นายสำเริง ทองมอญ ประธานกรรมการ สหกรณ์ออมทรัพย์ครูปทุมธานี จำกัด เปิดเผยว่า ตนและคณะ เข้ามาบริหารงานสหกรณ์แห่งนี้ ในช่วงปี 2554 ซึ่งขณะนั้นมีสหกรณ์มีปัญหาเข้าขั้นวิกฤติ เปรียบเสมือนเจอกับดัก 5 เรื่องใหญ่ ได้แก่
“เงินทุนของเราคือเงินกู้จากธนาคาร ขณะนั้นมี 2,000 ล้านบาท เมื่อเกิดวิกฤติระเบิด 5 ลูกข้างต้น ทำให้ไม่สามารถส่งหนี้ธนาคารได้ ประกอบกับอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น และสมาชิกแห่ถอนเงินออก เพราะเกิดความไม่มั่นใจ ทำให้เกิดสภาวะขาดแคลนเงินทุนอย่างหนัก“
สำหรับการแก้ปัญหาทั้งหมด จุดเริ่มต้นคือการเฟ้นหากรรมการสหกรณ์ชุดใหม่ที่มีความสามารถ และไม่มีประวัติเสียแม้แต่เรื่องเดียวเพื่อสร้างความเชื่อมั่น จากนั้นเริ่มแก้ปัญหาขาดแหล่งเงินทุนก่อน ด้วยการเปิดตัวโครงการรับรองเงินฝาก และให้ดอกเบี้ย 3.5% ต่อปี จนเริ่มมีเงินไหลกลับเข้ามาจากทุนที่เหลือราว 600 ล้านบาท จนถึงมาได้หลายเท่าตัวในเวลาไม่กี่ปี และต่อมาคือการนำเงินไปใช้หนี้จนหมด จากนั้นจึงเริ่มดำเนินการฟื้นฟูสหกรณ์
“หลังจากแก้ไขปัญหาต่าง ๆ แล้ว เราก็ค่อย ๆ พัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงิน เพื่อระดมเงินฝากให้เพิ่มขึ้นจนถึงระดับเกือบ 5 พันล้านบาท และจะพยายามควบคุมเพื่อไม่ให้เกินนี้ เพราะไม่ต้องการเป็นสหกรณ์ขนาดใหญ่ เพื่อความตล่องตัว"
ในช่วงต่อมา หลังจากแก้ปัญหาหนี้ธนาคารได้แล้ว แต่ดอกเบี้ยเงินกู้ยังอยู่ในระดับสูงจากโครงการรับรองเงินฝากที่มีอัตราดอกเบี้ย 3.5% ต่อปี ซึ่งส่วนนี้ สหกรณ์ได้ทำความเข้าใจกับผู้กู้ว่า ยังไม่สามารถลดดอกเบี้ยได้ในทันที เพราะหากจะลด ต้องไปลดดอกเบี้ยเงินฝากด้วย ก็จะทำให้สมาชิกอาจเกิดความตื่นตระหนก ก็ต้องบริหารจัดการในระยะต่อไป ค่อย ๆ ปรับดอกเบี้ยลง ทำให้ไม่สามารถลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ได้ที่ 4.75% ต่อปี
นอกจากนี้ สหกรณ์ยังดำเนินการลดค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้น เช่น สวัสดิการของสมาชิกในกรณีเสียชีวิต ไปจนถึงการลดค่าใช้ช่ายการบริหารงานจากเดิม 78 ล้านบาทต่อปี ลงเหลือราว 30 กว่าล้านบาท ทั้งนี้ที่ต้องประหยัด เพราะสหกรณ์มีการตั้งค่าหนี้สูญ 600 กว่าล้านบาท ยาวเป็นระยะเวลา 10 ปี จากการประสบภาวะวิกฤติระเบิด 5 ลูกที่กล่าวไป และภายใต้การบริหารของทีมใหม่สามารถทำกำไรได้ที่ 69.25 ล้านบาท
ณ วันนี้ปล่อยเงินกู้ 3,500 ล้านบาท ถ้าปล่อยที่อัตราดอกเบี้ย 7% จะสร้างรายได้ราว 245 ล้านบาท แต่ถ้าลดดอกเบี้ยลงเหบือ 4.75% จะสร้างรายได้ราว 166 ล้านบาท ส่วนต้นทุนการบริหารราว 70-80 ล้านบาท ดังนั้นกำไรจะหายไปทันที ทำให้จ่ายปันผล และจ่ายหนี้ไม่ได้ตามกำหนด จึงยังไม่สามารถลดดอกเบี้ยได้ และคงอยู่ในระดับ 7% ต่อปี
ทุนเรือนหุ้น
เงินฝาก 2,000 ล้านบาท (44.03% ของเงินทุนรวม)
นอกจากนี้ยังมี ทุนสำรองอีก 345 ล้านบาท และทุนสะสมอีก 96 ล้านบาท