"เวิลด์แบงก์" หั่น GDP ไทยปี 2567 เหลือโต 2.8% จากเดิมคาดไว้ที่ 3.2 %

01 เม.ย. 2567 | 06:50 น.
อัปเดตล่าสุด :01 เม.ย. 2567 | 07:05 น.

"ธนาคารโลก" หั่นคาดการณ์การขยายตัวของจีดีพีไทยปี 67 เหลือ 2.8% เหตุจากการค้าโลกชะลอตัวส่งผลกระทบภาคการส่งออก ซ้ำการเบิกจ่ายงบประมาณล่าช้า กระทบการใช้จ่ายของภาครัฐ 

ธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) ปรับลดคาดการณ์ เศรษฐกิจไทยปี 2567 จากเดิมคาดจะโต 3.2 % ลดลงมาเหลือเพียง 2.8% สาเหตุจากภาคการส่งออกที่อ่อนแอและการเบิกจ่ายงบประมาณที่ล่าช้า อย่างไรก็ตาม รายงานแนวโน้มเศรษฐกิจไทยของเวิลด์แบงก์ที่เผยแพร่วันนี้ (1 เม.ย.) คาดว่า เศรษฐกิจไทยจะเร่งอัตราการขยายตัวสู่ระดับ 3.0% ในปีหน้า (2568) 

ทั้งนี้ รายงานคาดการณ์เศรษฐกิจไทยของเวิลด์แบงก์ฉบับก่อนหน้านี้ที่เผยแพร่ในเดือนธันวาคม 2566 คาดว่า จีดีพีของไทยในปี 2567 และ 2568 จะขยายตัวที่อัตรา 3.2% และ 3.1% ตามลำดับ

ถึงแม้ตัวเลขคาดการณ์ดังกล่าวจะเป็นการปรับลดตัวเลขที่ประเมินไว้เดิม แต่ก็ยังสูงกว่าอัตราขยายตัวในปีที่ผ่านมา (2566) ที่เศรษฐกิจไทยขยายตัวตลอดทั้งปีเพียง 1.9% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซ้ำในไตรมาสสุดท้ายของปีดังกล่าว (Q4/2566) เศรษฐกิจไทยยังหดตัว 0.6% จากไตรมาสสามซึ่งเป็นเรื่องเหนือความคาดหมาย 

นายเกียรติพงศ์ อริยปรัชญา นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของธนาคารโลก (World Bank) ประจำประเทศไทย เปิดเผยเกี่ยวกับ รายงานภาวะเศรษฐกิจไทยปี 2567 ฉบับทบทวนล่าสุดนี้ว่า การปรับลดตัวเลขคาดการณ์เศรษฐกิจไทยเป็นผลมาจากการค้าโลกที่ชะลอตัวซึ่งส่งผลต่อภาวะการส่งออก อีกทั้งการเบิกจ่ายงบประมาณของไทยยังประสบความล่าช้าส่งผลต่อการใช้จ่ายของภาครัฐ 

ก่อนหน้านี้ ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ก็เพิ่งปรับลดตัวเลขคาดการณ์เศรษฐกิจไทยในปีนี้ลงมา จากเดิม 3.2% สู่ระดับเพียง 2.5% - 3.0% เท่านั้น ส่วนสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (Thai National Shippers' Council) คาดการณ์ว่า การส่งออกของไทยในปีนี้ จะขยายตัวที่ระดับ 1%-2%  

รายงานของธนาคารโลกเผยว่า การท่องเที่ยวและการบริโภคของภาคเอกชน (private consumption) จะเป็นหัวจักรสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตของไทย โดยขณะนี้ คาดการณ์ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาเยือนประเทศไทยในปีนี้ (2567) จะแตะระดับ 90% ของสถิติที่เคยทำไว้ก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 

ขณะที่รัฐบาลไทยตั้งเป้าทำสถิตินักท่องเที่ยวต่างชาติมาเยือนไทยในปีนี้ที่ 40 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากยอด 28 ล้านคนในปี 2566 

ทั้งนี้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยนั้นกำลังเผชิญภาวะวิกฤต และจำเป็นต้องได้รับการกระตุ้นด้วยมาตรการหลักๆด้านการคลัง โดยเฉพาะมาตรการกระเป๋าตังค์ดิจิทัล แจกเงินประชาชน 50 ล้านคน รวมวงเงิน 14,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งขณะนี้ถือว่าล่าช้ากว่าที่รัฐบาลตั้งใจไว้ไปมาก 

นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของธนาคารโลกประมาณการณ์ว่า โครงการดังกล่าวจะช่วยกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยได้ราว 1% 

ข้อมูลอ้างอิง