กาสิโนถูกกฎหมาย “คลัง” ชงครม.สัปดาห์หน้า สร้างรายได้ปีละ 5 หมื่นล้าน

01 เม.ย. 2567 | 07:39 น.
อัพเดตล่าสุด :01 เม.ย. 2567 | 07:39 น.

รมช.คลัง พร้อมรายงานผลศึกษาเปิด “กาสิโนถูกกฎหมาย” สัปดาห์หน้า ชี้ดึงเม็ดเงินลงทุนจุดละ 1 แสนล้านบาท สร้างรายได้เข้าประเทศปีละ 5 หมื่นล้านบาท

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกะทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ พิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (เอ็นเตอร์เทนเมนท์ คอมเพล็กซ์) เปิดเผยว่า ผลการรายงานศึกษาผลกระทบการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร ที่ผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎร คาดว่าจะเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นวาระเพื่อทราบ ภายในสัปดาห์หน้าได้อย่างเรียบร้อย 

“เรื่องสถานบันเทิงครบวงจรนั้น ได้รับสัญญาณที่ดี ทั้งจากคณะรัฐมนตรี และหน่วยงานอื่นๆ ทุกคนเห็นตรงกันว่า มีปัญหาเรื่องการพนันผิดกฎหมาย และการที่นำเรื่องพวกนี้ เช่น กาสิโน ขึ้นมาบนดินได้ อย่างน้อยรัฐก็สามารถเข้าไปกำกับดูแล มีการจัดเก็บรายได้เข้ารัฐ และมีกลไกเข้าไปแก้ไขปัญหาและเยียวยา”

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกะทรวงการคลัง

ขณะเดียวกัน คาดว่าเอ็นเตอร์เทนเมนท์ คอมเพล็กซ์ จะสร้างรายได้ ให้ประเทศไทย ประมาณ 4-5 หมื่นล้านบาทต่อปี เมื่อศึกษาจากรายได้ในประเทศสิงคโปร์ ขณะที่การลงทุนนั้น คาดว่า จะดึงดูเม็ดเงินการลงทุนได้  1 แสนล้านบาทต่อแห่ง 

นายจุลพันธ์ กล่าวว่า เอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ ไม่ใช่แค่จุดที่เปิดให้เล่นการพนันเท่านั้น ยังเป็นแหล่งความบันเทิงหลากหลาย เช่น สถานที่จัดคอนเสิร์ตระดับโลก  สร้างเป็นดิสนีย์แลนด์ในพื้นที่เดียวกัน  จะก่อให้เกิดการจ้างงาน สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจมหาศาล

สำหรับเรื่องของสถานบันเทิงครบวงจร ก็ขึ้นอยู่ ที่ประชุมครม.ว่าจะมีประเด็นเพิ่มเติม หรือจะมีข้อสั่งการอะไรหรือไม่ ซึ่งก็จะต้องมีการมอบหมายให้หน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งรับผิดชอบ ทั้งนี้  ผลของรายงานศึกษาผลกระทบการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร ก็มีข้อเสนอว่าควรจะต้องมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมากำกับดูแล

โดยมีคณะกรรมการชั้นนโยบาย ประกอบด้วย

  • นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน
  • รัฐมนตรีหลายคนเป็นกรรมการ
  • คณะกรรมการชั้นบริหารงาน  ก็จะเป็นกรรมการจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง

ส่วนเรื่องของกระแสข่าวที่ว่า สถานที่ใดเหมาะสมจะเป็นสถานบันเทิงครบวงจร นั้น ยืนยันว่า กมธ.เอ็นเตอร์เทนเมนท์ คอมเพล็กซ์ และไม่ได้มีการพูดคุยกันในเรื่องดังกล่าวเลย เนื่องจาก กมธ.ชุดนี้ที่ตั้งขึ้นมา มีอำนาจแค่การศึกษาผลกระทบเท่านั้น ส่วนการศึกษา และนโยบายอื่นๆ เป็นอำนาจของ คณะกรรมการที่จะเข้ามากำกับดูแลทำการศึกษาต่อไป  

“เรื่องที่จะไปตั้งสถานบันเทิงครบวงจร อาทิ ที่อู่ตะเภานั้น เป็นเพ้อเจ้อ กมธ.ศึกษา ไม่มีอำนาจอะไรที่จะไปเลือก ไม่มีหน้าที่ไปเลือกว่าที่ไหนเหมาะสม และเราก็ไม่ได้มีการพูดคุยเรื่องนี้เลย ยืนยันว่ากมธ.ภายใต้กำกับผมทำตามอำนาจที่มีเท่านั้น ส่วนที่พูดหรือออกข่าวไปนั้น เป็นส่วนอื่นที่ผมไปควบคุม ห้ามใครพูดไม่ได้” 

สำหรับโมเดลเอ็นเตอร์เทนเมนท์ คอมเพล็กซ์ จากกรณีของต่างประเทศก็มีมาตรการเกี่ยวกับเรื่องฐานภาษีทั้งเพื่อการสนับสนุน และการป้องกันการเสพติดการพนัน  โดยของเมืองไทยก็ ได้มีการตั้ง กมธ.ขึ้นมาศึกษา คือ

  1. เรื่องรายได้ ก็จะไปศึกษาหามาตรการภาษีที่เหมาะสมกับการดึดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาในพื้นที่เอ็นเตอร์เทนเมนท์ คอมเพล็กซ์ 
  2. ค่าธรรมเนียม โดยตัวอย่างของสิงคโปร์ ก็มีการกับค่าธรรมเนียมการเข้า พื้นที่ กาสิโน วันละ 4,000-5,000 บท เพื่อป้องกันไม่ให้คนที่เล่นเข้าง่ายเกินไป จนติดพนัน 
  3. มีนโยบายให้ครอบครัว ส่งคำขอแบนคนมนครอบครัวที่มีพฤติกรรมเสี่ยงติดการพนัน เข้าพื้นที่ได้