ข้าราชการเตรียมรับ "เงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราว" เริ่ม 1 พฤษภาคม 2567

01 เม.ย. 2567 | 08:09 น.
อัปเดตล่าสุด :01 เม.ย. 2567 | 08:14 น.

ข้าราชการเฮ เตรียมรับเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราว เริ่ม 1 พฤษภาคม 2567 พร้อมปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการ บรรจุใหม่ ตามมติครม. เช็คฐานเงินเดือนใหม่ที่เพิ่มขึ้นทั้งขั้นต่ำ และขั้นสูง

วันที่ 1 พฤษภาคม 2567 วันแรกของการปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการ บรรจุใหม่ ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2566 พร้อมกันนี้ยังมีอีกเรื่องที่สำคัญ นั่นคือ การปรับเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราว เพื่อให้การดำเนินการสอดคล้องและเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับการปรับอัตราเงินเดือนแรกบรรจุในช่วงปี พ.ศ. 2555

สำหรับการปรับเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราว กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง เห็นควรพิจารณาปรับเพดานเงินเดือนขั้นสูงที่มีสิทธิได้รับเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราว ซึ่งถือเป็นการปรับฐานขึ้นใหม่ให้สอดคล้องกับการปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการ แรกบรรจุทุกคุณวุฒิ 

ที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (สำนักงาน ก.พ.) ได้เสนอเรื่องการปรับเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราว หลังจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงาน ก.พ.ร. กรมบัญชีกลาง และสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ได้หารือกันจนได้ข้อสรุป และเสนอครม.พิจารณาแล้ว 

สำหรับรายละเอียดการปรับเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวครั้งนี้ กรมบัญชีกลาง ได้กำหนดอัตราใหม่ทั้งขั้นต่ำ และขั้นสูง ดังนี้ 

การปรับเพดานเงินเดือนขั้นสูง 

เป็นการปรับเพดานเงินเดือนขั้นสูงที่มีสิทธิได้รับเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราว

  • เดิม : เงินเดือนไม่ถึงเดือนละ 13,285 บาท 
  • ใหม่ : เงินเดือนไม่ถึงเดือนละ 14,600 บาท 

การปรับเพดานเงินเดือนชั้นต่ำ 

เป็นการปรับเพดานชั้นต่ำของเงินเดือนรวมกับเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราว

  • เดิม : เดือนละ 10,000 บาท 
  • ใหม่ : เดือนละ 11,000 บาท 

การปรับเงินเพิ่มการครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญขั้นต่ำ 

  • เดิม : จำนวน 10,000 บาท 
  • ใหม่ : จำนวน 11,000 บาท 

กลุ่มเป้าหมายเพิ่มเงินการครองชีพชั่วคราว

สำหรับกลุ่มเป้าหมายการปรับเพดานเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวในครั้งนี้ จะครอบคลุมกลุ่มเป้าหมาย ประกอบด้วย

  • ข้าราชการ
  • ลูกจ้างประจำ
  • ทหารกองประจำการ
  • ผู้รับบำนาญ 

ทั้งนี้ คาดว่าจะใช้งบประมาณเพิ่มขึ้นไม่เกิน 3,000 ล้านบาทต่อปี โดยให้ส่วนราชการใช้จ่ายจากงบประมาณของแต่ละส่วนราชการเป็นลำดับแรก หากไม่เพียงพอให้ขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณเพื่อขอใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี งบกลาง ต่อไป