การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 2 เมษายน 2567 ได้มีการพิจารณารายละเอียดแผนการคลังระยะปานกลาง ฉบับทบทวน ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2568-2571 โดยในรายละเอียดที่ประชุมได้ปรับกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ใหม่ จากกรอบวงเงินเดิม 3.6 ล้านล้านบาท เพิ่มเป็น 3.752 ล้านล้านบาท เบื้องต้นจะเป็นการจัดเตรียมแหล่งเงินเอาไว้เพื่อรองรับการดำเนินโครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท
นายเฉลิมพล เพ็ญสูตร ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เปิดเผยภายหลังการประชุมครม.ว่า ในการจัดทำกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 นั้น จะปรับกรอบวงเงินเพิ่มขึ้นอีก 152,700 ล้านบาท จากกรอบวงเงินเดิม 3.6 ล้านล้านบาท เพิ่มเป็น 3.752 ล้านล้านบาท โดยจะมีการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณเพิ่มอีก 152,700 ล้านบาท
นายเฉลิมพล กล่าวว่า การพิจารณากรอบวงเงินงบประมาณปี 2568 คาดว่า 4 หน่วยงานเศรษฐกิจ คือ กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะนัดประชุมเพื่อพิจารณากรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายปี 2568 ภายในสัปดาห์นี้ จากนั้นจึงนำผลการหารือไปเสนอต่อครม.อีกครั้งในวันที่ 9 เมษายน 2567 นี้
“กรอบวงเงินงบประมาณปี 2568 ใหม่ จะยังไม่เข้าครม.วันที่ 9 เมษายน 2567 นี้ เพราะจะเสนอผลประชุม 4 หน่วยงานเศรษฐกิจที่เห็นชอบกรอบวงเงินงบประมาณปี 2568 เข้ามาก่อน แล้วจากนั้นสำนักงบประมาณ จะมีการเสนอการปรับกรอบวงเงินเข้ามาในครม.อีกครั้ง โดยได้มีการปรับปฏิทินงบประมาณด้วย” นายเฉลิมพล ระบุ
สำหรับกรอบวงเงินงบประมาณปี 2568 ใหม่ ภายใต้แผนการคลังระยะปานกลาง มีรายละเอียดดังนี้
ส่วนการเตรียมความพร้อม พ.ร.บ.โอนงบประมาณปี 2567 นั้น นายเฉลิมพล ยอมรับว่า ขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุป เพราะต้องรอให้งบประมาณรายจ่ายปี 2567 มีผลบังคับใช้ก่อน จากนั้นจึงมีการบริหารงบประมาณให้เป็นไปตามเป้าหมายการใช้จ่ายก่อน แล้วจากนั้นจึงมาดูว่าจะมีวิธีการอะไรที่สามารถดำเนินการได้บ้าง เบื้องต้นเห็นว่ามีอีกหลายวิธีที่จะใช้งบประมารให้มีประสิทธิภาพและเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลด้วย
เช่นเดียวกับงบกลางปี 2567 ซึ่งที่ผ่านมามีการตั้งข้อสังเกตว่าจะนำมาใช้ในโครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาทได้หรือไม่ โดยผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ ระบุว่า กรณีของงบกลางนั้น ยังไม่มีข้อสรุป และหากจะทำคงต้องหารือในที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต ชุดใหญ่อีกครั้ง