นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงความกังวลการนำเงิน ธ.ก.ส.มาใช้ในโครงการเติมเงินดิจิทัล วอลเล็ตจะผิดกฎหมายหรือไม่ว่า เรื่องนี้มีการหารือในที่ประชุม ซึ่งมีทั้งกฤษฎีกา หลายฝ่ายก็ไม่มีใครเห็นแย้งอะไร ซึ่งเจ้าหน้าที่คลังก็ยืนยันว่าทำได้ จะมีแค่คนที่ไม่รู้เรื่องระบบงบประมาณเท่านั้นที่บอกว่าทำไม่ได้
“ยืนยันเรื่องนี้รัฐบาลทำอย่างรอบคอบภายใต้กฎหมาย และก็จะดูว่าจะจำเป็นไหมที่ต้องส่งให้กฤษฎีกาช่วยตีความในเรื่องนี้ และจะเสนอให้ ครม.เห็นชอบในเดือนเม.ย.นี้”
โดยการใช้เงินธ.ก.ส.ไม่ใช่เรื่องใหม่ เป็นการใช้งบประมาณกึ่งการคลัง ซึ่งก่อนหน้านี้ ธ.ก.ส.ก็เคยเข้ามาช่วยโครงการของรัฐมาแล้ว และรัฐก็ทยอยตั้งงบชดเชยทีหลัง
“โครงการเติมเงินดิจิทัล วอลเล็ต หากสำเร็จจะเป็นเครื่องมือใหม่ที่เข้ามาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งคนไม่ต้องการให้เกิดก็จะออกมาค้าน เหมือนเมื่อก่อนก็มีการค้าน 30 บาทรักษาทุกโรค หรือกองทุนหมู่บ้าน แต่ทุกวันนี้ถือเป็นเรื่องที่สำเร็จมาก”
ส่วนคนที่มีเงินฝากเกิน 5 แสนบาท จะสามารถถอนเงินออกไปทันหรือไม่ ยืนยัน ว่าถอนไม่ทันแล้ว เพราะโครงการนี้จะนับย้อนหลังไปก่อนหน้าที่จะอนุมัติ ซึ่งตอนนี้ได้ผ่านการนับเกณฑ์เงินฝาก 5 แสนบาทไปแล้ว
สำหรับแนวทางใช้จ่ายจะใช้แบบไม่กำหนดวันละกี่บาทก็ได้ แต่รอบแรกต้องใช้หมดใน 6 เดือน และนำไปขึ้นเป็นเงินสดได้ใน 1 ปี
ขณะที่ร้านค้าที่เข้าร่วมก็จะเปิดกว้างให้ร้านสะดวกซื้อสมัยใหม่เข้าร่วมได้ เพราะปัจจุบันร้านทั่วไปก็พัฒนาเป็นร้านสมัยใหม่เยอะ จึงจะปิดกั้นคนใดคนหนึ่งไม่ได้ อีกทั้งร้านเหล่านี้ก็จะช่วยให้เกิดหมุนเวียน