บรรยากาศการค้าชายแดนไทย-เมียนมา ระหว่างอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก กับจังหวัดเมียวดี ของเมียนมาผ่านสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2 หยุดชะงักลง หลังมีการสู้รบกันอย่างหนักระหว่างฝ่ายรัฐบาลเมียนมา และกลุ่มต่อต้าน ขณะทางหอการค้าจังหวัดตากรวบรวมปัญหาเสนอให้ทางนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เนื่องจากมีข้อกังวลเกี่ยวกับการยืดเยื้อของสถานการณ์สู้รบฝั่งตรงข้ามชายแดนไทย-เมียนมา
นายบรรพต ก่อเกียรติเจริญ ที่ปรึกษาหอการค้าจังหวัดตาก เปิดเผยว่า สถานการณ์การสู้รบ ในฝั่งจังหวัดเมียวดี ของเมียนมา ตั้งแต่ช่วงสงกรานต์มาจนถึงวันที่ 21 เมษายน 2567 เป็นเวลาเกือบ 2 สัปดาห์มีความรุนแรงขึ้น และสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2 ได้ปิดการสัญจร ทำให้ระบบการขนส่งสินค้าไปยังเมียนมาหยุดชะงักเกือบร้อยละ90 จะเหลือเพียงการส่งสินค้าผ่านท่าข้ามแม่น้ำเมยฝั่งด้านซ้ายของสะพานฯที่ยังพอขนส่งสินค้าไปได้ ซึ่งก็อยากให้ทางภาครัฐเข้าใจว่า ขณะนี้ภาวะการค้าไม่ปกติ อาจจะต้องขออนุโลมวางสินค้าเป็นการชั่วคราว
ส่วนพื้นที่ฝั่งขาวของสะพานฯไม่สามารถขนส่งสินค้าผ่านท่าข้ามได้ และมีการอพยพของผู้ลี้ภัยมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตัวเลข ณ วันที่ 21 เมษายน 2567 มีจำนวนเกือบ3,000คน และหากประเมินการส่งออกได้รับความเสียหายคาดว่าไม่น่าจะต่ำกว่า 3,000-4,000ล้านบาทจากปกติในแต่ละเดือนจะมีการส่งออกประมาณเดือนละ7,000-10,000ล้านบาท
ส่วนสถานการณ์สู้รบคาดว่าจะยืดเยื้อไปอีก หากทั้งรัฐบาลเมียนมา และฝ่ายต่อต้านยังไร้ทางออก ยกเว้นแต่ว่าทั้งสองฝ่ายมีการเจรจากันได้ อย่างไรก็ดี บรรยากาศการค้าขายในฝั่งอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ยังปกติ แต่จะเริ่มเห็นภาพของการทำอาหารกล่องของชาวแม่สอด ไปแจกให้กับทางทหารไทย และผู้ลี้ภัยจากการสู้รบในครั้งนี้
นายประเสริฐ จึงกิจรุ่งโรจน์ ประธานหอการค้ากลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง ในฐานะที่ปรึกษาหอการค้าจังหวัดตาก กล่าวว่า ต้องยอมรับสถานการณ์การสู้รบฝั่งเมียนมา ด้านจังหวัดเมียวดีมี แนวโน้มยืดเยื้อ และต้องจับตาการเคลื่อนไหว ในฝั่งเพื่อนบ้านอย่างใกล้ชิด
การที่เมียนมาปิดสะพาพมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่2 ยิ่งทำให้ การค้าชายแดนหยุดชะงักทั้งระบบ โดยผู้ประกอบการค้าชายแดนได้ปรับแผนการส่งออกสินค้าไปทางด้านจังหวัดระนอง จังหวัดกาญจนบุรี และจังหวัดเชียงรายแทน เพราะจะมีความปลอดภัยกว่า
อีกทั้งตอนนี้แทบจะไม่มีผู้ประกอบการกล้าเสี่ยงที่จะนำสินค้าไปเก็บไว้ที่โกดังฝั่งจังหวัดเมียวดี แต่ในระยะยาวก็ยังมั่นใจว่า ทั้งฝ่ายรัฐบาลเมียนมา และฝ่ายต่อต้านจะเจรจากัน เพราะเส้นทางการค้าชายแดนแม่สอด-เมียวดี เป็นหัวใจหลัก ในการขนส่งสินค้าไทยเข้าเมียนมาในสัดส่วนร้อยละ50 ซึ่งถือว่ามากกว่าช่องทางอื่นๆของชายแดนไทย-เมียนมา อีกทั้งทางรัฐบาลเมียนมา และฝ่ายต่อต้านต่างเข้าใจว่า เป็นเส้นทางสำคัญในการจัดเก็บภาษีจำนวนมหาศาลเข้าสู่เมียนมา
นายเฉลิมวัฒน์ ตรีรัตน์วัฒนา รองประธานหอการค้าจังหวัดตาก กล่าวว่า ขณะนี้ระบบโลจิสติก์ระหว่างอำเภอแม่สอด จังหวัดตากไปยังเมียมานั้น ผู้ประกอบการส่วนใหญ่จะกังวลเรื่องความปลอดภัย และทางผู้ประกอบการยังมองว่า การส่งออกยังไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับระบบเอกสารการส่งออกและนำเข้า หากจะส่งออกเข้าไปยังจังหวัดชั้นใน นอกเหนือจากจังหวัดเมียวดี
หน้า 10 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3986 วันที่ 25 –27 เมษายน พ.ศ. 2567