นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้มอบหมายให้เข้าร่วมการสัมมนาเพื่อรับฟังความคิดเห็นภาครัฐ เอกชน และประชาชน 4 จังหวัดภาคอีสาน ได้แก่ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร และบึงกาฬ โดยการเข้าร่วมสัมมนาครั้งนี้ เป็นโอกาสที่กระทรวงคมนาคมจะได้ทำความเข้าใจและชี้แจงถึงการขับเคลื่อนงบประมาณของประเทศ
ทั้งนี้กระทรวงคมนาคมมีโครงการสำคัญที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ทั้งรถไฟทางคู่และโครงข่ายทางถนน งบลงทุนกว่า 72,340 ล้านบาท การบริหารงบประมาณประจำปี 2567 อีกกว่า 1,605 ล้านบาท และโครงการสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของพื้นที่ที่อยู่ระหว่างขอรับการจัดสรรงบประมาณในปี 2568 อีกว่า 5,645 ล้านบาท ให้มีความเจริญเติบโตและส่งเสริมความยั่งยืนทางการคลังแก่เจ้าหน้าที่ ข้าราชการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมจังหวัด และหอการค้าจังหวัดในพื้นที่เพื่อให้งบประมาณของประเทศได้มีการใช้จ่ายงบประมาณลงไปยังประชาชนได้อย่างทั่วถึงและสร้างประโยชน์ให้ได้มากที่สุดไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจ การลงทุน และการท่องเที่ยว
นางมนพร กล่าวต่อว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐบาล ได้ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการเจริญเติบโตแบบยั่งยืน โดยเฉพาะ 4 จังหวัดภาคอีสานที่มีพื้นที่ติดกับ สปป. ลาว และสะพานมิตรภาพเชื่อมต่อกันถึง 2 แห่ง ที่นครพนมและบึงกาฬ เป็นเขตเศรษฐกิจที่มีความพร้อมในการพัฒนาและมีศักยภาพสูง กระทรวงคมนาคมจึงเร่งพัฒนาโครงข่ายคมนาคมเชื่อม 4 จังหวัด ทั้งการเดินทางขนส่งเชื่อมโยงภายในประเทศและ สปป.ลาว-เวียดนาม-จีน
สำหรับโครงการขนาดใหญ่ในพื้นที่ที่อยู่ระหว่างดำเนินการ ได้แก่ โครงการรถไฟทางคู่ เส้นทางบ้านไผ่-มุกดาหาร-นครพนม งบประมาณ 66,785.53 ล้านบาท, โครงการก่อสร้าง ทล.2032 งบประมาณ 979.4 ล้านบาท, โครงการก่อสร้างถนน 4 ช่องจราจร ทล.212 งบประมาณ 669.4 ล้านบาท และโครงการสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 5 จังหวัดบึงกาฬ (บึงกาฬ – ปากซัน) งบประมาณ 3,906 ล้านบาท คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนพฤศจิกายน 2567 ซึ่งเมื่อแล้วเสร็จจะทำให้เกิดผลดีต่อการค้า การลงทุน การจ้างงาน รวมถึงภาคการท่องเที่ยวและธุรกิจการขนส่งของทั้งสองประเทศ ทำให้ประชาชนเดินทางได้สะดวกรวดเร็ว ลดระยะเวลาการเดินทาง ส่งผลไปถึงการเชื่อมต่อและพัฒนาการท่องเที่ยวระหว่างประเทศไทย เวียดนาม และสาธารณรัฐประชาชนจีนทางตอนใต้ เกิดการขยายตัวของเมือง ยกระดับจากเมืองรองให้เป็นเมืองท่องเที่ยวหลักได้
ส่วนในปีงบประมาณ 2567 กระทรวงคมนาคมได้รับการจัดสรรงบประมาณสำหรับพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม วงเงิน 1,605 ล้านบาท ได้แก่ โครงการขยายถนน ทล.212 ตอน อำเภอปากคาด- หอคำ เป็น 4 ช่องจราจร ,โครงการขยายถนน ทล.22 ตอน สูงเนิน-ท่าแร่ จาก 4 ช่องจราจร เป็น 8 ช่องจราจร และโครงการก่อสร้างถนนเลียบแม่น้ำโขงนาคาวิถี ช่วงสะพานมิตรภาพไทย-ลาว (แห่งที่ 2)-พระธาตุพนม อยู่ระหว่างขอรับงบประมาณปี 2568
ทั้งนี้ยังมีโครงการในอนาคตอีกหลายโครงการ เช่น การขยายทางหลวงเป็น 4 ช่องจราจร ทล.222 ตอน อำเภอวานรนิวาส-อำเภอคำตากล้า, ทล.22 ตอน อำเภอนาแก่-บ้านต้อง ,ทล.212 บึงโขงหลง-อำเภอบ้านแพ รวมถึงโครงการถนนเลียบแม่น้ำโขงนาคาวิถี เฟส 2 และโครงการก่อสร้างถนนสาย นพ.2010 รวมถึงการพัฒนาขยายขีดความสามารถของท่าอากาศยานภูมิภาคเพื่อรองรับการเติบโตด้านการขนส่งทางอากาศในพื้นที่ เป็นต้น
อย่างไรก็ตามการผลักดันโครงการต่าง ๆ ของรัฐบาลและกระทรวงคมนาคมลงสู่พื้นที่จังหวัดสกลนคร นครพนม มุกดาหาร และบึงกาฬ จะเกิดประโยชน์อย่างยิ่งต่อพี่น้องประชาชนในการเข้าถึงการคมนาคมที่สะดวก ปลอดภัย เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม จะช่วยเชื่อมโยงการพัฒนาทางเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน เพิ่มโอกาสการเติบโตและพัฒนาทางเศรษฐกิจและการพาณิชย์ของประเทศต่างๆ ในภูมิภาค และส่งเสริมการค้า การจ้างงาน การลงทุนและการท่องเที่ยวในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ยังจะเอื้ออำนวยต่อการที่ไทยจะเป็นศูนย์กลางในการเชื่อมโยงอนุภูมิภาค แม่น้ำโขงและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เข้ากับจีนและเอเชียใต้ต่อไปด้วย