นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้กระทรวงการคลังได้มีการพูดคุยในเบื้องต้น เกี่ยวกับเรื่องการพิจารณาเพิ่มทุนให้กับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) คาดว่าจะเติมเงินเข้าไปประมาณ 10,000 ล้านบาท เพื่อให้ธ.ก.ส.นำไปดำเนินการ สร้างความแข็งแกร่งให้กับเกษตรกร โดยมองว่าเป็นอีกหนึ่งกลไกที่ควรดำเนินการ
อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า การพิจารณาเพิ่มทุนให้กับธ.ก.ส. ไม่เกี่ยวข้องกับการใช้สภาพคล่องของธนาคารดำเนินโครงการดิจิทัล วอลเล็ต วงเงิน 1.7 แสนล้านบาท ตามที่มีกระแสข่าว
“กระบวนการเพิ่มทุนให้กับธนาคารนั้น เรามองถึงความคุ้มค่า คือ การเพิ่มทุนให้ธนาคาร 1 บาท จะสามารถช่วยปล่อยสินเชื่อให้กับประชาชนได้ 11 บาท ซึ่งจะสามารถสร้างสภาพคล่องให้กับเกษตรกรได้ในจำนวนมาก โดยกระทรวงการคลังมองว่าเป็นกลไกที่น่าสนใจ และกำลังพิจารณาร่วมกันอยู่”
ทั้งนี้ ในอดีตที่ผ่านมา เมื่อธ.ก.ส.มีกำไรจะต้องส่งเงินคืนเข้าคลัง เฉลี่ยปีละ 5,000-6,000 ล้านบาท โดยกระทรวงการคลังจะให้นำกำไรส่วนนี้ไปเติมทุน กระทั่งช่วงการบริหารประเทศผ่านคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ผ่านมา จึงได้มีการผ่อนปรนให้ธนาคารไม่ต้องส่งเงินเข้าคลัง และนำวงเงินดังกล่าวไปบริหารจัดการอย่างอื่น ซึ่งหลังจากนั้นธนาคารก็ไม่ส่งเงินคืนคลังมาโดยตลอด ประมาณ 7-8 ปี ซึ่งเรามองว่าวันนี้ถึงเวลาที่เราจะต้องเติมวงเงินให้ครบ และสร้างความแข็งแกร่งให้กับเกษตรกร
“เรามองว่าธ.ก.ส.เป็นมือไม้สำคัญในการเสริมสภาพคล่องให้กับเกษตรกร ส่วนการใช้วงเงินธ.ก.ส. เพื่อดำเนินการโครงการดิจิทัล ยังมีเวลากว่า 6 เดือน ในการเสนอเข้าคระกรรมการ (บอร์ด) ธ.ก.ส. แต่เราได้มีการพูดคุยเบื้องต้น ธ.ก.ส.รับทราบกันดี และพร้อมสนับสนุน ซึ่งคาดว่าจะต้องรอคณะกรรมการกฤษฎีกาตีความก่อนที่จะเสนอเข้าบอร์ด”