คลังเผยเศรษฐกิจไทยมี.ค.67 “ส่งออก-บริโภค-ลงทุน” หดตัว

01 พ.ค. 2567 | 01:32 น.
อัปเดตล่าสุด :01 พ.ค. 2567 | 01:32 น.

คลังรายงานภาวะเศรษฐกิจมี.ค.67 ส่งออกหดตัวสูง ส่วนบริโภคภาค-ลงทุนภาคเอกชนหดตัวจากเดือนก่อน ชี้ท่องเที่ยวยังเป็นเครื่องยนต์หลัก พร้อมเกาะติดสถานการณ์เศรษฐกิจใกล้ชิดต่อไป

นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจการคลังประจำเดือนมีนาคม 2567 มีสัญญาณชะลอตัวจากการส่งออกสินค้าที่หดตัวสูง การบริโภคภาคเอกชน และการลงทุนภาคเอกชนที่หดตัวจากเดือนก่อน อย่างไรก็ดี ภาคการท่องเที่ยวยังคงขยายตัวต่อเนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศและผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย

ทั้งนี้ ยังคงต้องติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจทั้งภายในและภายนอกประเทศที่ส่งผลกระทบต่อการส่งออกสินค้า กำลังซื้อของผู้บริโภค และปริมาณการผลิตภาคอุตสาหกรรมอย่างใกล้ชิดต่อไป โดยมีรายละเอียดสรุปได้ ดังนี้

สำหรับเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชน มีสัญญาณหดตัวจากเดือนก่อนหน้า โดยภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ระดับราคาคงที่ ในเดือนมีนาคม 2567 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนร้อยละ 0.2 แต่ลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ร้อยละ -3.4

ปริมาณจำหน่ายรถยนต์นั่งและยอดรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ ในเดือนมีนาคม 2567 ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ร้อยละ -24.8  และ -17.5 ตามลำดับ และลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ร้อยละ -8.5 และ  -5.7 ตามลำดับ

ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ในเดือนมีนาคม 2567 ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 63.0 จากระดับ 63.8  ในเดือนก่อน เนื่องจากผู้บริโภคมีความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้า อย่างไรก็ดีรายได้เกษตรกรที่แท้จริง ในเดือนมีนาคม 2567 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ร้อยละ 2.8 

ด้านเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการลงทุนภาคเอกชน มีสัญญาณหดตัวจากเดือนก่อนหน้า โดยการลงทุนภาคเอกชนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักร สะท้อนจากสะท้อนจากปริมาณการนำเข้าสินค้าทุน ในเดือนมีนาคม 2567 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ร้อยละ 12.0 แต่ลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ร้อยละ -12.2 ปริมาณจำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์ ในเดือนมีนาคม 2567

สำหรับการลงทุนภาคเอกชนในหมวดการก่อสร้าง สะท้อนจากปริมาณการจำหน่ายปูนซีเมนต์ภายในประเทศ ในเดือนมีนาคม 2567 ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ร้อยละ -11.8 และลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ร้อยละ -2.4 ขณะที่ภาษีจากการทำธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์ ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ร้อยละ –13.5

ส่วนมูลค่าการส่งออกสินค้าหดตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยมูลค่าการส่งออกสินค้ารวมในรูปเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ ในเดือนมีนาคม 2567 อยู่ที่ 24,960.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หดตัวลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ร้อยละ -10.9 และหากพิจารณาเฉพาะมูลค่าการส่งออกสินค้าที่ไม่รวมน้ำมันและสินค้าที่เกี่ยวเนื่อง ทองคำ และยุทธปัจจัย พบว่า หดตัวลงที่ร้อยละ -5.6

ทั้งนี้ เนื่องจากปัจจัยฐานสูงจากช่วงเดียวกันปีก่อน ทำให้สินค้าในหมวดน้ำตาลทราย ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ หดตัวลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ร้อยละ -45.6 -16.7 -12.4 และ -11.8 ตามลำดับ อย่างไรก็ดี การส่งออกสินค้ายางพารา ข้าว และอาหารสัตว์เลี้ยง ยังคงขยายตัวที่ร้อยละ 36.9 30.6 และ 29.6

“เมื่อพิจารณามูลค่าการส่งออกสินค้า โดยจำแนกเป็นรายตลาดคู่ค้าหลักของไทย พบว่า ปรับตัวลดลงในหลายตลาด อาทิ ตลาดญี่ปุ่น อาเซียน-9 และจีน ที่ลดลงร้อยละ -19.3 -15.7 และ -9.7 ตามลำดับ อย่างไรก็ดี ตลาดทวีปออสเตรเลีย และสหรัฐฯ ยังคงขยายตัวร้อยละ 13.5 และ 2.5 ตามลำดับ” 

ขณะที่เครื่องชี้เศรษฐกิจไทยด้านอุปทาน สำหรับภาคบริการมีสัญญาณปรับตัวดีขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยภาคบริการด้านการท่องเที่ยว ในเดือนมีนาคม 2567 มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยรวม จำนวน 2.98 ล้านคน  คิดเป็นอัตราการขยายตัวต่อเนื่องจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ร้อยละ 31.4 และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ร้อยละ 1.3

ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวจากจีน มาเลเซีย รัสเซีย เกาหลีใต้ และอินเดีย ตามลำดับ เช่นเดียวกับการท่องเที่ยวภายในประเทศที่มีผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย ในเดือนมีนาคม 2567 จำนวน 22.4 ล้านคน คิดเป็นอัตราการขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ร้อยละ 9.9 และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ร้อยละ 9.1

ขณะที่ภาคการเกษตร สะท้อนจากดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรกรรม ในเดือนมีนาคม 2567 ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ร้อยละ -4.6 และลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ร้อยละ -1.3 จากการลดลงของผลผลิตในหมวดพืชผลสำคัญ อาทิ ข้าวเปลือก ยางพารา และมันสำปะหลัง

อย่างไรก็ดี ผลผลิตในหมวดปศุสัตว์ยังคงขยายตัว สำหรับภาคอุตสาหกรรม สะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ในเดือนมีนาคม 2567 ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 92.4 จากระดับ 90.0 ในเดือนก่อนหน้า โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการฟื้นตัวต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยวและการขยายตัวของภาคการส่งออก ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าหลักของไทย

คลังเผยเศรษฐกิจไทยมี.ค.67 “ส่งออก-บริโภค-ลงทุน” หดตัว

ทั้งนี้ เสถียรภาพเศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ดี สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนมีนาคม 2567 อยู่ที่ร้อยละ -0.47 ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ร้อยละ 0.37 ส่วนสัดส่วนหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2567 อยู่ที่ร้อยละ 62.5

ต่อ GDP1 ซึ่งยังอยู่ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลังที่ตั้งไว้ตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 สำหรับเสถียรภาพภายนอกยังอยู่ในระดับที่มั่นคง และสามารถรองรับความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้ สะท้อนจากทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2567 อยู่ในระดับสูงที่ 223.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ