"ดาต้าเซ็นเตอร์" ถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัล โดยรองรับการเติบโตของการใช้คลาวด์ AI บริการดิจิทัลต่าง ๆ ทั้งนี้ไทยตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์เป็นศูนย์กลางของอาเซียนทำให้เป็นที่ดึงดูดธุรกิจมากมาย ซึ่งรวมถึงอุตสาหกรรมดาต้าเซ็นเตอร์หรือศูนย์ข้อมูล
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่าการลงทุนในศูนย์ข้อมูลในไทยเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดที่ 7,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 280,000 ล้านบาท ระหว่างปี 2567 ถึง 2570 เติบโตต่อปีเฉลี่ย 31% โดยการลงทุนที่เพิ่มขึ้นมาจากยักษ์ใหญ่ระดับโลกอย่าง ไมโครซอฟท์ กูเกิล AWS เทนเซ็นท์ และอาลีบาบา และผู้เล่นระดับประเทศอย่าง กลุ่มทรู เซ็นทรัล และ เทเลเฮ้าส์
ขอรับส่งเสริมลงทุนเกือบ 8 หมื่นล้าน
นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ”ว่า ปัจจุบันมีผู้ได้รับการส่งเสริมในกิจการดาต้าเซ็นเตอร์แล้วทั้งสิ้น 18 ราย มูลค่าเงินลงทุนรวม 77,792 ล้านบาท ตัวอย่างบริษัทดาต้าเซ็นเตอร์รายใหญ่ของโลกที่เลือกลงทุนในประเทศไทยแล้ว ได้แก่ Amazon Web Service (AWS), Supernap (Switch), NextDC, CtrlS Data Center, Telehouse เป็นต้น
ล่าสุดยังมีผู้ให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์ และ บริการคลาวด์รายใหญ่หลายบริษัท ทั้งจากสหรัฐอเมริกา จีน และสิงคโปร์ ที่อยู่ระหว่างการหารือกับรัฐบาลและบีโอไอ และอยู่ในขั้นตอนการศึกษารายละเอียดขั้นสุดท้ายเพื่อพิจารณาการเข้ามาลงทุนในประเทศไทย รวมทั้งบริษัทระดับ Hyperscale รายใหญ่ของโลก อย่าง ไมโครซอฟท์ และ กูเกิล ซึ่งได้มีการลงนาม MOU กับรัฐบาลไทยแล้ว
นอกจากนี้กูเกิลได้ประกาศแผนการลงทุนในประเทศไทย และไมโครซอฟท์ ได้ประกาศลงทุนจัดตั้งดาต้าเซ็นเตอร์แห่งแรกในไทย ในงาน Microsoft Build AI Day เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2567 โดยคาดว่าจะเป็นการลงทุนขนาดใหญ่ แต่จะแบ่งเป็นเฟสเพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต
นายนฤตม์ กล่าวว่า หลังจากผู้บริหารของไมโครซอฟท์ได้เดินทางมาเยือนไทยและเตรียมแผนเข้ามาลงทุนจัดตั้งดาต้าเซ็นเตอร์แล้วนั้น ขั้นตอนต่อจากนี้บีโอไอ และทีมงานของนายกรัฐมนตรี จะติดตามความร่วมมืออย่างใกล้ชิด โดยทางไมโครซอฟท์จะลงรายละเอียดเรื่องแผนการลงทุน โดยเชื่อว่าจากนี้ทางทีมไมโครซอฟท์จะเข้ามาศึกษาการลงทุนโดยละเอียด และจะมีการเสนอคำขอการลงทุนเข้ามาเพื่อรอรับสิทธิประโยชน์จากทางบีโอไอต่อไป
ไทยมีศักยภาพรับลงทุน
ทั้งนี้ประเทศไทยมีศักยภาพในการเป็นแหล่งรองรับการลงทุนดาต้าเซ็นเตอร์ขนาดใหญ่ เนื่องจากการเติบโตของการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล รวมทั้ง AI และมีความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะขีดความสามารถในการจัดหาพลังงานสะอาด ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกแหล่งลงทุนของดาต้าเซ็นเตอร์ เพื่อมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน ประกอบกับประเทศไทยมีที่ตั้งที่เหมาะสม มีความเสี่ยงต่ำเรื่องภัยธรรมชาติ และมีนโยบายสนับสนุนจากภาครัฐ เช่น นโยบาย Cloud First และสิทธิประโยชน์จากบีโอไอ
การลงทุนในกิจการ Data Center และ Cloud Service จะได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 8 ปี และยกเว้นอากรขาเข้าสำหรับเครื่องจักรและอุปกรณ์ต่าง ๆ รวมทั้งการอำนวยความสะดวกด้านวีซ่าและใบอนุญาตทำงานสำหรับผู้บริหารและผู้เชี่ยวชาญต่าง ๆ
ไมโครซอฟท์ลงทุนดาต้าเซ็นเตอร์แห่งแรก
ด้าน นายสัตยา นาเดลลา ประธานกรรมการและซีอีโอของไมโครซอฟท์ คอร์ปอเรชัน ประกาศในงาน Microsoft Build: AI Day ที่มีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มาร่วมกล่าวเปิดงาน และมีซีอีโอชั้นนำของประเทศ อาทิ นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) , นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) และนายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงเทพ รวมถึงกลุ่มนักพัฒนาในประเทศไทยเช้าร่วมงานกว่า 2,000คน เป็นครั้งแรกว่า
ไมโครซอฟท์ จะลงทุนดาต้าเซ็นเตอร์ระดับภูมิภาคแห่งแรกในประเทศไทย เพื่อขยายการให้บริการคลาวด์ในสเกลใหญ่ของไมโครซอฟท์ให้กว้างขวางและทั่วถึงยิ่งขึ้น มอบเสถียรภาพและสมรรถนะที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งานระดับองค์กรมากยิ่งขึ้น ทั้งยังรองรับมาตรฐานของประเทศไทยด้านการจัดเก็บและรักษาความปลอดภัยของข้อมูลอย่างครบถ้วน
แผนการขยายโครงสร้างพื้นฐานดังกล่าว สอดรับกับแนวโน้มความต้องการใช้งานบริการคลาวด์ที่เพิ่มสูงขึ้นในประเทศไทย ทั้งจากบริษัทเอกชนขนาดใหญ่ ผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก และหน่วยงานของภาครัฐ และยังจะช่วยให้ประเทศไทยสามารถคว้าโอกาสในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ควบคู่ไปกับการเสริมประสิทธิภาพในการทำงานของทุกภาคส่วนด้วยเทคโนโลยี AI ล่าสุด
“ประเทศไทยมีศักยภาพโดดเด่นและโอกาสในการสร้างอนาคตที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมดิจิทัลและ AI การเปิดดาต้าเซ็นเตอร์ระดับภูมิภาคแห่งใหม่ ควบคู่ไปกับการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ สำหรับคลาวด์และ AI รวมถึงการเสริมสร้างทักษะด้าน AI ล้วนเป็นแผนงานที่ต่อยอดพันธกิจของไมโครซอฟท์ เพื่อช่วยให้องค์กรไทย ทั้งในภาครัฐและภาคเอกชนเติบโต ร่วมกันสร้างความเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ ให้กับประเทศไทย”
วงการคาดเงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 3 หมื่นล้าน
สำหรับดาต้าเซ็นเตอร์นั้นถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานในการให้บริการคลาวด์และ AI ของไมโครซอฟท์ในประเทศไทย แม้ไมโครซอฟท์ ยังไม่ประกาศตัวเลขการลงทุนชัดเจน แต่คนในแวดวงเทคโนโลยีคาดการณ์ว่า การลงทุนดาต้าเซ็นเตอร์ระดับภูมิภาคนั้นจะใช้เม็ดเงินการลงทุนไม่ต่ำกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ มากกว่า 3 หมื่นล้านบาท โดยไมโครซอฟท์จะเลือกการลงทุนดาต้าเซ็นเตอร์แห่งใหม่ในพื้นที่ เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี
ไทยเป็นประเทศที่มีแนวโน้มการเติบโตของบริการคลาวด์ และ AI สูง เป็นเป้าหมายของยักษ์ดาต้าเซ็นเตอร์ในการเข้ามาลงทุน ตั้งดาต้าเซ็นเตอร์ โดยไมโครซอฟท์เข้ามาตั้งดาต้าเซ็นเตอร์ในไทยถือเป็นการลงทุนเพื่อรองรับการเติบโตอนาคต ซึ่งการเข้ามาของไมโครซอฟท์ รวมถึงดาต้าเซ็นเตอร์ยักษ์ใหญ่ในไทยจะทำให้เกิดการแข่งขัน และราคาถูกลง
ขณะที่ไมโครซอฟท์จะได้รับประโยชน์จากการมีดาต้าเซ็นเตอร์ในไทย นอกจากการให้บริการกับลูกค้าได้รวดเร็วขึ้นจากการใช้โครงข่ายในประเทศรับส่งข้อมูล นักพัฒนาซอฟต์แวร์มีเครื่องไม้เครื่องมือระดับโลกใช้ในการพัฒนานวัตกรรมใหม่ นอกจากนี้การมีดาต้าเซ็นเตอร์ตั้งในไทย ยังทำให้ไมโครซอฟท์สามารถให้บริการกับหน่วยงานภาครัฐได้ จากเดิมมีข้อจำกัดไม่สามารถหน่วยงานภาครัฐไม่สามารถใช้บริการผู้ให้บริการที่มีดาต้าเซ็นเตอร์ในต่างประเทศได้ เพราะข้อมูลวิ่งออกนอกประเทศ
ล่าสุดไมโครซอฟท์ ได้ประกาศลงทุนปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) และคลาวด์คอมพิวติ้ง ในมาเลเซีย 2,200 ล้านดอลลาร์ หรือราว 81,000 ล้านบาท เพื่อช่วยพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเอไอ จากเดิมก่อนหน้านี้ ไมโครซอฟท์ ประกาศแผนลงทุนระยะเวลา 4 ปี ในอินโดนีเซีย รวมมูลค่ากว่า 1,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 63,000 ล้านบาท และ ไมโครซอฟท์ ประกาศร่วมมือกับรัฐบาลญี่ปุ่น วางโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลมูลค่ารวม ลงทุน 2.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1.05 แสนล้านบาท รวมถึงการสร้างดาต้าเซ็นเตอร์ระดับไฮเปอร์สเกล
ก่อนหน้านี้ บริษัท CtrlS Datacenters ยักษ์ดาต้าเซ็นเตอร์ระดับโลก (Hyperscale Tier4) และรายใหญ่ที่สุดในเอเชีย จากประเทศอินเดีย ได้ลงนามสัญญาเช่าพื้นที่ราชพัสดุในเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ ภายในพื้นที่เขตส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัล หรือ EECd จังหวัดชลบุรี จำนวน 25 ไร่ ระยะเวลา 50 ปี เพื่อตั้งโครงการไฮเปอร์สเกลดาต้าเซ็นเตอร์ (Hyperscale Datacenter) ไทย โดย การลงนามดังกล่าวจะก่อให้เกิดมูลค่าการลงทุนรวมกว่า 15,000 ล้านบาท สร้างรายได้จากการเช่าพื้นที่อีอีซี ประมาณ 1,300 ล้านบาท สนับสนุนการจ้างงานในพื้นที่ประมาณ 1,000 อัตรา
ขณะที่ บริษัท ทรู อินเทอร์เน็ต ดาต้าเซ็นเตอร์ จำกัด หรือ ทรู ไอดีซี ประกาศลงทุนเพิ่มกว่า 10,000 ล้านบาท ในการขยายศักยภาพธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์และคลาวด์ครั้งใหญ่ โดยการลงทุนนี้จะประกอบไปด้วยหลายโครงการขนาดใหญ่ เช่น โครงการขยายดาต้าเซ็นเตอร์ที่ ทรู ไอดีซี อีสต์ บางนา แคมปัส และทรู ไอดีซี นอร์ท เมืองทอง โครงการพัฒนาธุรกิจสู่ความยั่งยืนเพื่อก้าวเป็น Green Data Center เต็มรูปแบบ และโครงการพัฒนาความเป็นเลิศในการดำเนินงาน ตลอดระยะเวลา 3 ปี (ปี 2567 ถึงปี 2570) โดยโครงการทั้งหมดจะเพิ่มขีดความสามารถให้กับบริษัทฯ ในการรองรับธุรกิจของไฮเปอร์สเกลเลอร์ ผู้ให้บริการโอทีที และผู้ให้บริการด้านเทคโนโลยีชั้นนำจากต่างประเทศที่กำลังยกขบวนเข้ามาในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน