วันนี้ (7 พฤษภาคม 2567) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้เดินทางเข้ามาสักการะพระพรหมบนตึกไทยคู่ฟ้า ศาลพระภูมิ และศาลตายาย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบรัฐบาล เพื่อความเป็นสิริมงคลก่อนเข้าปฏิบัติหน้าที่รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โดยเข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ครั้งแรก
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงกรณีความคิดเห็นที่ไม่ตรงกันระหว่างรัฐบาล กับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ด้วยว่า เป็นเรื่องปกติในฐานะที่มีหน้าที่ และความรับผิดชอบที่จะต้องทำงานร่วมกับ ธปท. เพื่อผลักดันให้เครื่องจักรทางนโยบายการคลังและการเงินต้องสอดคล้อง และเดินไปในทิศทางเดียวกัน แต่ก่อนจะเดินทางร่วมกันได้ จะต้องตกผลึก
รวมทั้งต้องทำความเข้าใจว่า ปัญหาที่แท้จริงคืออะไร ซึ่งถือเป็นหน้าที่ของตนที่จะต้องเข้าไปพูดคุยกับนายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าฯ ธปท. และเชื่อมั่นว่า ผู้ว่าฯ ธปท. ก็ดูงานด้วยข้อเท็จจริง และมีเหตุผล โดยในอดีตเคยทำงานสัมผัสร่วมกันบ้าง จึงเชื่อว่า จะสามารถพูดคุยกันได้ และมีแนวทางที่ใกล้เคียงกัน ด้วยเหตุและผล
ส่วนกรณีประเด็นการแก้ไขกฎหมายสำคัญ คือ พ.ร.บ.ธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อลดความเป็นอิสระของ ธปท. นั้น รมว.คลัง ระบุว่า ต้องมาพิจารณาอีกครั้งว่าใช่ปัญหาหรือไม่ แต่ในขณะเดียวกันก็มีกระแสข่าวต่อต้านว่า ธปท.จะต้องมีความเป็นอิสระ แต่หากมีการพูดคุยกันจนตกผลึกแล้ว เชื่อว่า ความเห็นต่างจะค่อย ๆ แคบลง และจะนำมาซึ่งข้อสรุปที่ดีสำหรับตนเองแล้ว
“เรื่องนี้ ธปท.มีอิสระอยู่แล้ว ในเรื่องนโยบายการเงิน เพียงแต่ว่าความอิสระนั้นมีมาโดยตลอด สามารถที่จะกำหนดและตัดสินด้วยวิจารณญาณคนที่เข้ามาร่วมตัดสิน แต่การตัดสินนโยบายทั้งหมดนั้น จะเป็นแนวทางที่จะต้องสนับสนุนนโยบายภาครัฐด้วย”
เมื่อถามว่า เมื่อเข้ามาเป็นรมว.คลัง ปัญหาที่นายกฯ และพรรคเพื่อไทยพูดถึงจะหมดไปหรือไม่ นายพิชัย กล่าวว่า ยังไม่ขอตอบ ขอให้ได้หารือกับท่านก่อน ส่วนจะมีโครงการอื่นๆ มาดูแลประชาชนในช่วงนี้หรือไม่นั้น ก็จะเป็นเรื่องคู่ขนานในการที่เราจะหาเครื่องมือมาผลักดันขับเคลื่อนเศรษฐกิจใหม่พร้อมกับแก้ปัญหาเดิม ซึ่งคนร่วมผลักดันจริง ๆ คือประชาชนจริง และหน่วยงานทั้งหมด ดังนั้น หากเราแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ก็จะมีแรงขับเคลื่อน ก็น่าจะเป็นวิถีทางที่ดีที่สุด
ส่วนในการปฏิบัติหน้าที่รมว.คลังนั้น เร็ว ๆ นี้ จะมีการหารือกันภายใน เพื่อแบ่งงานกับรมช.คลัง ซึ่งทุกคนทราบดีอยู่แล้วว่า มีภารกิจเร่งด่วน โดยใช้ภาระหน้าที่ และความรับผิดชอบที่มีอยู่สางปัญหา และจัดการปัญหาให้ทุกอย่างดีขึ้น เพื่อประเทศชาติ โดยยืนยันว่า จะทำอย่างอย่างสุดความสามารถ
ขณะที่การขับเคลื่อนโครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ตามนนโยบายรัฐบาลนั้น ถือเป็นงานประจำ ซึ่งจะมีการพูดคุยกับรมช.คลัง ในช่วงบ่ายวันนี้เพื่อรายงานความคืบหน้า
เช่นเดียวกับการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ยอมรับว่า ทุกคนทราบปัญหาที่เกิดขึ้น แต่วิธีคิดอาจจะแตกต่างกัน และมองหาวิธีการแก้ไขที่แตกต่างกัน จึงจำเป็นจะต้องหาข้อยุติ และเมื่อตกผลึกแล้ว ก็ต้องพยามทำให้ทุกคนเข้าใจร่วมกันให้มากที่สุด และนำมาซึ่งแนวปฏิบัติที่ดีที่สุด