ผู้สื่อข่าวรายงานภารกิจทัวร์นกขมิ้น หรือการลงพื้นที่ 4 จังหวัดบุรี วันที่สอง ของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี หลังจากเมื่อคืนวันที่ 10 พ.ค. นายเศรษฐา และคณะ พักค้างคืนที่ จ.กาญจนบุรี ภายหลังเสร็จสิ้นภารกิจที่ จ.สุพรรณบุรี แล้วนั้น วันนี้ (11 พ.ค.นี้) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้นำคณะร่วมติดตามลงพื้นที่พื้นที่เทศบาลกาญจนบุรี ณ แก้มลิงตำบลปากแพรก อำเภอเมืองกาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรี
จากนั้น นายกฯ เดินทางไปยังอุตสาหกรรมโคนม ต.หนองบัว อ.เมืองกาญจนบุรี เพื่อตรวจเยี่ยมอุตสาหกรรมโคนมในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่ติดตามประเด็นปัญหาน้ำท่วมขังซ้ำซากในพื้นที่เทศบาล โดยมีนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม นายพรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี และคณะ ร่วมติดตาม นั้น
นายเศรษฐา กล่าวต่อว่า ตนได้รับทราบการดำเนินโครงการพัฒนาพื้นที่ชุมชนตามผังเมืองรวมกาญจนบุรี อำเภอเมืองกาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรี จากกรมโยธาธิการและผังเมือง โดยการดำเนินการแบ่งเป็น 3 ระยะ คือ ระยะที่ 1 งบประมาณปี 2567 องค์ประกอบงานเกี่ยวกับระบบระบายน้ำบ้านหัวนาล่าง
ระยะที่ 2 งบประมาณปี 2568 องค์ประกอบงานเกี่ยวกับงานก่อสร้างระบบระบายน้ำบริเวณโค้งทางรถไฟ
ส่วนระยะที่ 3 งบประมาณ ปี 2569 องค์ประกอบงานเกี่ยวกับระบบระบายน้ำบ้านเขาใหญ่-บ้านพุรางนิมิตร เพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมบริเวณถนนพัฒนากาญจน์และถนนแสงชูโตบริเวณ อบจ.
ขณะเดียวกันได้รับทราบถึงความจำเป็นในการดำเนินโครงการระบบสูบน้ำทุ่งท่าล้อ เพื่อผันน้ำบางส่วนจากห้วยน้ำใสไประบายลงแม่น้ำแม่กลองโดยวิธีการสูบน้ำ และลดปริมาณน้ำที่จะระบายผ่านห้วยนาคราชและบรรเทาปัญหาน้ำท่วมขังในทุ่งท่าล้อ
นอกจากนี้ได้รับทราบแผนการพัฒนาพื้นที่บริเวณย่านสถานีกาญจนบุรีจากการรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งแบ่งการพัฒนาเป็น 3 โซน คือ 1. พื้นที่ตลาดกลางค้าปลีกค้าส่ง 2.พื้นที่ที่อยู่อาศัยระยะยาว 3.พื้นที่สวนสาธารณะ
“ตนได้สอบถามสถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นจนนำมาสู่การดำเนินโครงการนี้ รวมถึงสอบถามการใช้จ่ายงบประมาณในการดำเนินโครงการ พร้อมย้ำขอให้จัดลำดับความสำคัญเร่งด่วนในการดำเนินการให้เป็นไปตามแผนที่กำหนด เร่งทำให้แล้วเสร็จ รวมถึงกำชับกรมโยธาธิการและผังเมือง และการรถไฟแห่งประเทศไทย ให้ใช้จ่ายงบประมาณให้เป็นไปอย่างเหมาะสมและเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน”