นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์กล่าวว่า ในวันที่ 20 พ.ค.นี้ กรมฯได้เชิญทูตต่างประเทศประจำประเทศไทยกว่า 20 ประเทศ เช่น ญี่ปุ่น จีน สหรัฐ รัสเซียและอีกหลายประเทศพร้อมด้วยตัวแทนหอการค้าต่างประเทศในไทยเพื่อมาชี้แจงถึงข้อกฎหมายการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวของไทยให้ทูตต่างประเทศได้รับทราบถึงข้อกฎหมายฉบับดังกล่าวให้ถูกต้อง หลังจากกรมฯร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้คัดกรองกลุ่มธุรกิจที่เข้าข่ายจะต้องเรียกตรวจสอบเอกสารหลักฐานเพิ่มเติม จำนวน 460 ราย จากเป้าหมายการตรวจสอบนิติบุคคลในไทยที่อาจเข้าข่ายนอมินี ในปีนี้ 26,019 ราย รวม 4 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่
ในพื้นที่ 6 จังหวัดแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ได้แก่ เชียงใหม่ ชลบุรี สุราษฎร์ธานี ภูเก็ตกรุงเทพมหานคร และประจวบคีรีขันธ์
อย่างไรก็ตาม โดยล่าสุดลงพื้นที่แล้ว 4 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ ภูเก็ต กรุงเทพ และชลบุรี ได้เข้าตรวจสอบสถานที่ตั้งธุรกิจมีความผิดปกติ ในแง่มีกิจกรรมการทำธุรกิจจริงมั้ย พร้อมได้เรียกตรวจสอบเอกสารหลักฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง อาทิ เอกสารทางบัญชี รวมทั้งหมด 91 ราย ซึ่งในเบื้องต้นมีหลายชาติอยู่ในจำนวนนี้ และอยู่ระหว่างตรวจสอบเชิงลึกว่าเป็นคนต่างชาติจากประเทศอะไรบ้าง โดยอยู่ระหว่างประมวลข้อมูลกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และหลังจากนี้ จะเร่งทยอยลงพื้นที่ตรวจสอบต่อเนื่อง ให้ครบ 460 ราย ซึ่งคาดว่าจะตรวจสอบแล้วเสร็จภายในปีนี้
นอกจากนี้ ปี 2566 จากกลุ่มเป้าหมายการตรวจสอบนิติบุคคลไทยที่อาจเข้าข่ายนอมินี้ทั้งหมด 16,607 ราย พบพฤติกรรมเข้าข่ายนอมินี 8 ราย เป็นนอมินีกลุ่มทุนชาวฝรั่งเศส 5 ราย จีน 2 ราย และอังกฤษ 1 ราย ซึ่งได้ขยายผล ส่งเรื่องให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอเพื่อสืบสวนต่อแล้ว โดยจำนวน 2 ใน 8 ราย พบว่า เป็นสำนักงานบัญชีและสำนักงานกฎหมาย ที่มีชื่อเป็นผู้ถือครองหุ้นถึง 267 บริษัท
“ขอเตือนว่า มาตรา 36 ของ พ.ร.บ. การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวพ.ศ. 2542 ผู้ให้ความช่วยเหลือ หรือ สนับสนุน หรือ ร่วมประกอบธุรกิจ หรือ ถือหุ้นแทนคนต่างด้าว เพื่อให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจโดยหลีกเลี่ยงหรือฝ่าฝืนกฎหมาย มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือ ปรับตั้งแต่ 1 แสน- 1 ล้านบาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ ”นางอรมนกล่าว