ประเทศไทยส่งออกผลไม้สด ทำรายได้เข้าประเทศในปี 2566 ทั้งสิ้น 185,055 ล้านบาท (ในจำนวนนี้เป็นการส่งออกทุเรียนสด 141,055 ล้านบาท) ทั้งนี้ พื้นที่ปลูกไม้ผลของประเทศไทยอยู่ในลำดับที่ 13 ของโลก และมีปริมาณผลผลิตอยู่ในลำดับที่ 16 ของโลก
อย่างไรก็ดีการผลิตผลไม้ของไทยยังคงประสบปัญหาด้านการผลิต ทั้งต้องรับมือกับสภาพอากาศที่แปรปรวน การแปรรูป การตลาด ทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงด้านโลจิสติกส์ ซึ่งหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาคราชการ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และภาคการศึกษาได้ร่วมกันดำเนินการพัฒนาและแก้ไขปัญหาต่าง ๆ มาอย่างต่อเนื่อง
นายพีรพันธ์ คอทอง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า สำหรับการบริหารจัดการแปลงไม้ผล ปี 2568 ปัจจุบันเป็นระยะพักต้น และเตรียมเข้าสู่ระยะออกดอก ล่าสุดสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 3 จังหวัดระยอง ได้ จัดเวทีแลกเปลี่ยน ผู้ผลิตไม้ผลภาคตะวันออก สำหรับการเตรียมการจัดการสวนผลไม้ในสภาพอากาศแปรปรวน โดยผู้มาร่วมแลกเปลี่ยน เรียนรู้ กับเกษตรกร ใน 3 ประเด็น ได้แก่ ประเด็นการจัดการสวนไม้ผลในสภาพอากาศแปรปรวน
ประกอบด้วย ผศ.ดร.ยศพล ผลาพล มหาวิทยาลัยบูรพา วิทยาเขตจันทบุรี และนายสมชาย ฉันทพิริยะพูน สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 6 กรมวิชาการเกษตร ประเด็นการจัดการโรคและแมลงศัตรูไม้ผลในสภาพอากาศที่แปรปรวนจนถึงระยะการพัฒนาของดอก และประเด็นการพยากรณ์สภาพอากาศเพื่อการวางแผนบริหารจัดการผลิตสินค้าไม้ผลภาคตะวันออก โดยนายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา รู้วิธีจัดการสวนไม้ผล...รับมืออากาศแปรปรวน
ทั้งนี้ ผศ.ดร.ยศพล ผลาพล ได้บอกเล่าเรื่องการจัดการสวนไม้ผลในสภาพอากาศที่แปรปรวนให้มีผลผลิตและคุณภาพที่ดี เกษตรกรต้องเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งแวดล้อมที่ส่งผลกระทบต่อไม้ผล รวมถึงปัจจัยที่จะส่งผลต่อการเจริญเติบโต เช่น อิทธิผลของอุณหภูมิ น้ำ และความชื้น แสง ดินและธาตุอาหารพืช รวมถึงปัจจัยอื่น ๆ ที่ส่งผล เช่น ปริมาณน้ำฝน ลม หรือพายุ
ผู้ปลูกไม้ผลควรรู้หลักซิงค์ (SINK) ซอร์ส (SOURCE) รู้ว่าใบของต้นสำคัญ เพราะจะทำหน้าที่ในการสร้างอาหารและไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ถ้าเข้าใจพืช เข้าใจสภาพแวดล้อม เข้าใจปัจจัยการผลิตที่ใช้ และเข้าใจในความสัมพันธ์ของส่วนต่าง ๆ ของพืช จะทำให้สามารถเลือกวางแผนการให้น้ำ ให้ปุ๋ย ธาตุอาหารได้อย่างเหมาะสม ลดการสิ้นเปลืองพลังงานหรือใช้เกินความจำเป็น
นอกจากนี้ยังได้ยกตัวอย่างทุเรียน ก่อนที่เกษตรกรจะวางแผนการปรับสภาพอากาศในแปลงทุเรียน จะต้องรู้ความชื้นสัมพัทธ์ อุณหภูมิ เพราะผลของการปรับสภาพอากาศส่งผลต่ออัตราการสังเคราะห์แสงของทุเรียน รู้โรคและแมลง ทุกช่วงการเจริญเติบโต
นายสมชาย ฉันทพิริยะพูน กรมวิชาการเกษตร แนะนำวิธีการจัดการแมลงศัตรูพืชแบบผสมผสานในสวนไม้ผลว่า เป็นวิธีการจัดการศัตรูพืชที่ดีที่สุด ในสภาพอากาศแปรปรวน รักษาแมลงศัตรูธรรมชาติ (ตัวห้ำ ตัวเบียน) และกำจัดแมลงศัตรูพืชในสวนไม้ผลโดยธรรมชาติ ทั้งนี้ การใช้สารป้องกันและกำจัดศัตรูพืชอย่างมีประสิทธิภาพ จะมีประโยชน์สูงสุด เช่น การใช้ตามคำแนะนำ ใช้ถูกประเภท ถูกวิธี และหากเกษตรกรเน้นตลาดส่งออก ต้องรู้ข้อจำกัดการใช้สารแต่ละชนิดในเงื่อนไขการส่งออกของแต่ละประเทศอีกด้วย
รวมถึงเกษตรกรต้องรู้จักการใช้เพื่อวางแผนการใช้สารกำจัดศัตรูพืชอย่างถูกวิธี เพื่อรับมือความเสี่ยงและลดความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น หมั่นสังเกตแปลงอยู่เสมอ เพราะบางอาการอาจจะไม่ได้เกิดจากโรคหรือแมลง เป็นการขาดสารอาหารของพืช หรือหากพบโรคหรือแมลงเพียงเล็กน้อยและจัดการให้ถูกวิธี ก็จะสามารถจัดการได้โดยไม่ส่งผลกระทบต่อความเสียหาย เช่น ศัตรูพืชที่พบในช่วงการพัฒนาการของดอก ได้แก่ โรคแอนแทรคโนส เพลี้ยไฟ ไรแดง และในช่วงที่ดอกบาน ควรหว่านเชื้อไตรโคเดอร์มา เพื่อช่วยย่อยสลายกลีบดอก เกสร และผลอ่อนที่ร่วงอยู่ใต้ทรงพุ่มทุเรียน รู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ
ด้าน นายสมควร ต้นจาน จากกรมอุตุนิยมวิทยา แนะนำการเข้าถึงเทคโนโลยีที่เกษตรกรสามารถเข้าไปเช็คสภาพอากาศ ได้จากเว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยา ที่สามารถพยากรณ์อากาศด้วยแผนภูมิพยากรณ์อากาศที่สามารถชี้ข้อมูล ได้ถึงระดับอำเภอหรือจุดที่ตั้งแปลง แผนที่เสี่ยงฝนตกหนักระดับอำเภอ คาดการณ์พื้นที่แปลงปลูกฝนจะตกหรือไม่ เพื่อวางแผนการให้น้ำ หรือใส่ปุ๋ย ลดความเสี่ยงจากการใช้ทรัพยากรที่สิ้นเปลือง
อย่างไรก็ดี อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวเพิ่มเติมว่า การจัดเวทีครั้งนี้จะเป็นประโยชน์กับเกษตรกรในการวางแผนจัดการสวนไม้ผล ซึ่งหากเกษตรกรสามารถปฏิบัติและเข้าใจตลอดการเจริญเติบโตของพืช จะสามารถช่วยลดความเสี่ยงทั้งจากสภาพอากาศแปรปรวน ลดอัตราความเสียหายต่อผลผลิตได้ตลอดฤดูกาลผลิต
เป็นอีกหนึ่งแนวทางในการปรับรูปแบบการทำการเกษตรให้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ โดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีและวิธีการที่สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งจะสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน เป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญที่จะขับเคลื่อนในปี 2568 ทั้งนี้ เกษตรกรสามารถขอรับคำแนะนำ ได้ที่สำนักงานเกษตรอำเภอใกล้บ้าน