*** เรียบร้อยโรงเรียนทรัมป์ คัมแบ็คเป็นผู้นำสหรัฐอเมริกาอีกรอบ มาเที่ยวนี้คาดการณ์ต่างๆนานา สงครามจริงเกิดหรือไม่ ไม่รู้ แต่สงครามการค้าสหรัฐ-จีน มาแน่ และจะพาลพาโลไปทั้งโลก เริ่มจากสั่งขึ้นกำแพงภาษีสินค้าจีนทันที นั่นหมายถึงว่าจีนต้องหาทางออกหลบลม ดันสินค้าของตัวเองมาผ่านประเทศที่ 3 หรือลงทุนในประเทศที่ 3 คราวนี้สหรัฐจริงจังเข้มงวดในการตรวจสอบสินค้านำเข้าจากทุกแหล่ง จีนจะสวมเสื้อ อาเซียน สวมเสื้อไทย ไม่สำคัญจะโดนไปด้วย ฉะนั้นอย่าเพิ่งดีดลูกคิดรางแก้วกันไปว่า เขาเล่นจีนแล้วไทยจะได้ประโยชน์ อันนี้มันไม่แน่เสมอไปดอกนาย
*** มาแน่ ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ นักเศรษฐศาสตร์ชื่อดัง บอกสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐ รอบใหม่อาจนำไปสู่สงครามเย็นรอบใหม่ได้ในไม่ช้า ไทยควรวางสถานะอิสระอย่างมียุทธศาสตร์ การพิจารณาเข้าร่วมเป็นพันธมิตรฝ่ายใดให้พิจารณาเป็นรายประเด็น โดยสหรัฐพยายามรักษาสถานะมหาอำนาจหนึ่งเดียว หลังการสิ้นสุดลงของสงครามเย็นรอบแรก และไม่ยอมให้ประเทศใดมีโอกาสท้าทายอำนาจ สหรัฐ คงยุทธศาสตร์ระดับโลกยึดโยงกับประเทศพันธมิตรในยุโรป และ เอเชีย ในการปิดล้อมบทบาทของจีน และรัสเซีย ภายใต้นโยบายโดดเดี่ยวตัวเองมากขึ้นของทรัมป์ จะทำให้บทบาทของสหรัฐบนเวทีโลก ทั้งมิติการเมือง เศรษฐกิจ ความมั่นคง และ การทหาร สิ่งแวดล้อมเปลี่ยนแปลงไป
*** ว่าด้วยเรื่องจีน ดูกันชัดๆ เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม บอกช่วงเดือน ก.ย.66 - ก.ย. 67 กระทรวงอุตสาหกรรม ฟาดผู้ที่ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย จำนวน 517 ราย ยึดอายัดสินค้ารวมมูลค่ากว่า 395 ล้านบาท เพื่อให้เป็นไปตามมาตรการป้องกันการผลิต นำเข้า และจำหน่ายสินค้าไม่ได้มาตรฐาน ปกป้องอุตสาหกรรมไทย สร้างความเท่าเทียม และสร้างโอกาสในการแข่งขันให้กับเอสเอ็มอี (SMEs) การตรวจสอบสินค้าควบคุม 144 มาตรฐาน ครอบคลุมสินค้า 308 ผลิตภัณฑ์ ที่จำหน่ายอยู่ในร้านค้า ห้างโมเดิร์นเทรด และร้านค้าออนไลน์ พบการกระทำความผิดให้ดำเนินการทางกฎหมายอย่างถึงที่สุด ว่ากันตรงๆ เอกนัฏ ไม่ได้บอก แต่สินค้าเหล่านี้ส่วนใหญ่มาจากจีนทั้งนั้น
*** ว่าที่จริงจีนดีก็เยอะ ที่เข้ามาลงทุนทำธุรกิจถูกต้อง แต่จีนเทาใช้ “นอมินี” นี่เยอะมากกว่าไปเสียแล้ว ในประเทศไทยคาบนี้ ไม่เชื่อไปดูตามมหาวิทยาลัย ที่จีนเข้ามา ขนนักศึกษาจีนเข้ามา ไปไล่ดู ไล่ตรวจสอบกันบ้างเถอะ อย่างน้อย 3-4 มหาวิทยาลัย เข้ามาลงทุนถูกต้องไหม ใช้ “นอมินีไทย” ได้ใบอนุญาตมาอย่างไร ใครขออนุญาต บุคคลต่างด้าวสัญชาติจีน นิติบุคคลต่างด้าวสัญชาติจีน หรือ เข้ามาในนามมูลนิธิ หรือเข้าใช้มูลนิธิในไทย เปลี่ยนเป็นต่างด้าวไปบริหารมูลนิธิ แล้วไปบริหารมหาวิทยาลัยอีกที ที่ล้วนเป็นนักศึกษาจีนล้วนๆ แม้กระทั่งทางการจีนยังไม่รู้ว่ายอมรับใบปริญญาเหล่านี้หรือไม่ หรือไทยเป็นแค่ทางผ่านของอะไร ต่อมิอะไร ไปแล้วก็ไม่รู้
*** คราวนี้บริษัทจีน ที่แม้เข้ามาลงทุนถูกต้องได้ใบอนุญาต แต่งานบางอย่าง แทนที่จะจ้างคนไทย ซื้อสินค้าไทย หรือ วัตถุดิบในไทยบ้าง กลับน้อยมาก บริษัทที่เข้ามาลงทุนถูกต้อง ก็ไปจ้างนักศึกษาจีน หรือ คนจีนที่ถือใบนักศึกษามาทำงานอีกที กิจกรรมที่เกิดในไทยเหล่านี้ไม่ได้จ่ายเงินเป็นเงินบาทเลย เหมือนกับการซื้อสินค้าทั่วไป หรือ พวกเปิดผับ เปิดบาร์ขายสินค้า จีนเที่ยวผับจีนที่ตั้งในประเทศไทย จ่ายเงินซื้อขายตัดผ่านบัญชี ผ่านแอพ เป็นเงินหยวน ไม่กระเซ็นเป็นเงินไทยตกกับพ่อค้านํ้าเต้าหู้หน้าผับแม้แต่บาทเดียว คงไม่ต้องบอกกันนะสำหรับเจ้าหน้าที่ทั้งฝ่ายความมั่นคง ตำรวจทั้งหลาย ว่าตั้งกันอยู่แถวไหน ย่านไหน ไปดูเถอะเข้ามาทำกันถูกต้องหรือไม่ ฝากท่าน ผบ.ตร. บิ๊กต่าย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ไปไล่ตรวจสอบหน่อยเถอะ
*** เครดิตยังใช้ได้! พชร อนันตศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ บอกบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ Fitch Ratings (Fitch) คงอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทย ที่ BBB+ และคงมุมมองความน่าเชื่อถือ (Outlook) ณ ระดับมีเสถียรภาพ (Stable Outlook) คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโตอย่างต่อเนื่องโตจาก 2.6% เป็น 3.1% ในปี 2567 และ 2568 ตามลำดับ จากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง
คาดว่าปี 2568 นักท่องเที่ยวจะกลับเข้ามา อยู่ในระดับเดียวกับก่อนเกิดการระบาดของโรคโควิด-19 กรอบการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจมหภาคยังมีความเข้มแข็ง ในการรับมือกับความท้าทาย แต่การดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องอาจทำให้มุมมองความเสี่ยงทางการคลังในระยะปานกลางเพิ่มขึ้นได้
หน้า 4 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,044 วันที่ 14 - 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567